Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

มีนาคม 29, 2024, 10:38:16 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 2,524
  • หัวข้อทั้งหมด: 647
  • Online today: 104
  • Online ever: 104
  • (วันนี้ เวลา 02:09:38 หลังเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 80
Total: 80

อัล - กุรอ่านกับอิมามฮฺซัยนฺ

เริ่มโดย clazzic, มิถุนายน 23, 2009, 11:14:07 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

clazzic

อัล-กุรฺอานกับอิมามฮุซัยนฺ (อ.)


๑. มาตรว่าอัล-กุรอานเป็นซัยยิดุ้ลกะลาม[๑] อิมามฮุซัยนฺคือซัยยิดุชชุฮะดา[๒]
๒. ในเศาะฮีฟะฮฺสัจญาดียะฮฺกล่าวถึงอัล-กุรฺอานว่า "เป็นตราชั่งที่ทรงความยุติธรรม"ท่านอิมามฮุซัยนฺกล่าวว่า "ฉันได้กำชับพวกท่านในธำรงความยุติธรรม" [๓]
๓. มาตรว่าอัล-กุรอานเป็นคำเตือนจากพระผู้เป็นเจ้า (موعظة من ربّكم) [๔] ท่านอิมามฮุซัยนฺได้กล่าวในวันอาชูรอว่า "لا تعجلوا حتّى اعظكم بالحقّ [๕]"พวกท่านไม่ต้องรีบร้อน จนกว่าฉันจะเชิญชวนท่านด้วยสัจธรรมความจริง
๔. มาตรว่าอัลกุรฺอานได้ชี้นำมนุษย์ไปสู่ทางที่ถูกต้อง "يهدي الى الرشد[๖] ท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) กล่าวว่า "ฉันจะขอเชิญชวนพวกท่านไปสู่สองทางที่ถูกต้อง" [๗]
๕. มาตรว่าอัล-กุรอานนั้นคือความยิ่งใหญ่[๘] ท่านอิมามฮุซัยนฺคือผู้ที่มีอดีตที่ยิ่งใหญ่[๙]
๖. มาตรว่าอัล-กุรอานคือความจริงอันเที่ยงแท้ [๑๐]ในซิยารัตอิมามฮุซัยนฺ (อ.) อ่านว่า "ท่านนั้นทำอิบาดะฮฺด้วยความบริสุทธิ์ใจ และซื่อสัตย์จนกระทั่งถึงขั้นบรรลุธรรม"[๑๑]
๗. มาตาว่าอัล-กุรอานคือชะฟาอ์ ให้การเยี่ยวยาและการอนุเคราะห์แก่สิ่งอื่น[๑๒]
ท่านอิมามฮุซัยนฺ อยู่ในฐานะของผู้ให้ชะฟาอัตเช่นกันในซิยารัตอาชูรอกล่าวว่า ขอให้เราได้รับชะฟาอัตของท่านอิมามฮุซัยนฺ [๑๓]
๘. ริวายะฮฺได้กล่าวว่า "อัล-กุรอานคือสัญลักษณ์ของการช่วยเหลือ"ในซิยารัตท่านอิมามฮุซัยนฺอ่านว่า "อิมามฮุซัยนฺคือสัญลักษณ์ของการชี้นำ" [๑๔]
๙. อัล-กุรอานเป็นผู้ให้การเยี่ยวยาแก่สิ่งอื่นริวายะฮฺกล่าวว่า "อัล-กุรอานได้ถูกประทานลงมาเพื่อเป็นชะฟาอฺ" ขณะที่ตุรฺบัรฺอิมามฮุซัยนฺ (ดินอิมามฮุซัยรนฺ) เป็นชะฟาอัตเช่นกัน" [๑๕]
๑๐. มาตรว่าอัล-กุรอานเป็นคลังแห่งความรู้ ท่านอิมามฮิซัยนฺ (อ.) เป็นประตูแห่งความรู้ขององค์พระผู้อภิบาลเช่นกัน [๑๖]
๑๑. อัล-กุรอานคือแบบอย่างในการกำชับความดี และห้ามปรามชั่ว [๑๗]ท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) กล่าวว่า "เป้าหมายในการเดินทางไปกัรฺบะลาอฺ ของฉันเพื่อกำชับความดี และห้ามปรามความชั่ว"[๑๘]
๑๒. มาตรว่าอัล-กุรอานเป็นนูรฺรัศมี (نورامبينا) ท่านอิมามฮุซัยนฺก็เป็นนูรฺเช่นกัน ในซิยารัตอ่านว่า "ท่านคือนูรฺทที่ฝังอยู่ในไขสันหลังของผู้ที่มีความสูงส่ง[๑๙]
๑๓. อัล-กุรอานคือหลักฐานที่ชัดแจ้งสำหรับประวัติศาสตร์ และมวลมนุษย์ทั้งหลาย ดังริวายะฮฺกล่าวว่า "พระองค์มิได้มอบให้อัล-กุรอานจำกัดอยู่แค่เวลาใดเวลาหนึ่ง และสำหรับประชาชาติใดเฉพาะ"เรื่องราวการสังหารท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) อย่างโหดเหี้ยมในกัรฺบะลาก็มิได้จำกัดอยู่แค่เวลาหนึ่ง แต่อยู่เหนือมิติของประวัติศาสตร์[๒๐]
๑๓.มาตรว่าอัล-กุรอานคือความจำเริญ "คัมภีร์ (อัลกุรอาน) เราได้ประทานลงมาให้แก่เจ้ามีความจำเริญ"[๒๑] การเป็นชะฮีดของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) เป็นสาเหตุของความจำเริญและการเติบโตของอิสลามเช่นกัน ท่านศาสดา(ศ็อลฯ)กล่าวว่า "โอ้อัลลอฮฺ พระองค์ได้นำความจำเริญแก่ข้าด้วยการสังหารเขา"[๒๒]
๑๔. อัล-กุรอานนั้นปราศจากการแก้ไขเปลี่ยนแปลง "กุรอานเป็นภาษาอาหรับ ไม่มีการเบี่ยงเบน"[๒๓]ท่านอิมามฮุซัยฯนฺ (อ.) ไม่เคยเบี่ยงเบนจากสัจธรรมไปสู่การหลงผิดแม้เพียงเสี้ยววินาที "ฉันไม่มีความปรารถนาที่จะออกจากความจริงไปสู่ความเท็จ"[๒๔]
๑๕. อัล-กุรอานเป็นคัมภีร์อันทรงเกียรติเสมอ "นั่นคือ กุรอานอันทรงเกียรติ"[๒๕]
ท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) คือเกียรติยศแห่งจริยธรรม "
๑๖. อัล-กุรอานเป็นคัมภีร์ที่ทรงพลัง "แท้จริงอัลกุรอานเป็นคัมภีร์ที่มีอำนาจยิ่ง"[๒๖]ท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ,) กล่าวว่า"ฉันจะไม่ก้มศรีษะให้กับความต่ำทรามอย่างเด็ดขาด"[๒๗]
๑๗. อัล-กุรอานเป็นสายเชือกที่เหนียวแน่น ริวายะฮฺกล่าวว่า "แท้จริงแล้วอัล-กุรอานสายเชือกอันมั่นคง"[๒๘]แท้จริงท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) "เป็นเรือที่ยังความปลอดภัย และเป็นสายเชือกที่มีความเหนียวแน่น"[๒๙]
๑๘. อัล-กุรอานเป็นเหตุผลที่ชัดแจ้ง "ได้มีมายังเจ้าคำอธิบายที่ชัดแจ้งจากพระผู้อภิบาลของเจ้า"[๓๐]ท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) เป็นเหตุผลที่ชัดแจ้งเช่นกันดังที่อ่านในซิยารัตว่า "ขอยืนยันว่าแท้จริงท่านเป็นคำอธิบายที่มาจากพระผู้อภิบาลของท่าน"
๑๙. มาตรว่าอัล-กุรอานต้องอัลเชิญด้วยความนอบน้อมเป็นจังหวะ "หรือมากกว่านั้น และจงอ่านอัลกุรอานช้า ๆ เป็นจังหวะ (ชัดถ้อยชัดคำ)"ในการซิยารัตหะรัมของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) จำเป็นต้องทำด้วยความนอบน้อมอย่างช้าๆ และเรียบง่าย"
แน่นอนท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) นั้นเป็นอัล-กุรอานที่พูดได้ และเป็นฉายาลักษณ์ของอัล-กุรอาน


เชคยาซีน ศาสนภิบาล
  •  

L-umar



ใครสังหารท่านอิหม่ามฮูเซน บุตรฟาติมะฮ์ บุตรีนบีมุฮัมมัด  ?    

ตอบ

1.   ชิมเมร บินซิลเญาชัน เพราะมันคือ ผู้ลงมือตัดศรีษะอิมามฮูเซน
2.   อุมัร บินสะอัด  เพราะมันคือแม่ทัพ
3.   อุบัยดุลเลาะฮ์ บินซิยาด เพราะมันคือผู้สั่งการให้อุมัรพาทหารไปรบกับอิมาม
4.   ทุกคนที่พอใจกับการตายของอิม่ามฮูเซน และพอใจกับความอธรรมของยะซีด
5.   ซิรญูน นะซอรอที่แนะนำยะซีด ให้แต่งตั้งอุบัยดุลเลาะฮ์ไปปกครองเมืองกูฟะ
6.   ยะซีด บินมุอาวียะฮ์ เพราะมันคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการอันชั่วร้ายนี้ทั้งหมด


ท่านคิดว่า ท่านอิหม่ามฮูเซนให้ความสำคัญต่อครอบครัวของเขาหรือไม่ ?

หากท่านอิหม่ามฮูเซนรักครอบครัวเหมือนที่ชาวโลกทั่วไปรัก ท่านควรทำเพื่อครอบครัว ดังต่อไปนี้
1.   ให้สัตยาบันกับยะซีด เพื่อท่านและครอบครัวจะได้สุขสบาย
2.   หรือถ้าท่านไม่อยากให้สัตยาบัน ก็น่าจะพาครอบครัวหนีไปอยู่ที่เยเมนหรือเมืองไหนก็ได้ตามใจชอบ เพื่อครอบครัวจะได้อยู่อย่างมีความสุขที่นั่น
3.   หรือถ้าท่านอยากสู้กับยะซีดจริง ก็น่าจะตั้งรับอยู่ในมะดีนะฮ์   ไม่จำเป็นต้องออกไปที่อิรัก  การสู้ตายอยู่ที่มะดีนะฮ์  ครอบครัวจะได้ไม่ต้องประสบเคราะห์กรรม เพราะยะซีดต้องการชีวิตท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น
4.   หากท่านอิหม่ามฮูเซนอยากไปที่เมืองกูฟะฮ์ ก็ควรให้ครอบครัวพำนักอยู่ในมะดีนะฮ์ไม่ต้องลำบากไปกับท่าน

บางคนคิดว่า การที่ท่านฮูเซนพาครอบครัวไปด้วย ก็เพื่อคอยปรนนิบัติรับใช้ท่านเช่น หุงหาอาหารและซักเสื้อผ้าให้
ซึ่งความจริงท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย ท่านสามารถจ้างลูกจ้างทั้งชายหญิงไปคอยรับใช้ท่านได้  โดยไม่จำเป็นต้องพาตระกูลฮาชิมไปเผชิญชะตากรรม เพราะฉะนั้นคำถามที่สำคัญคือ  


ทำไมอิหม่ามฮูเซนจึงพาครอบครัวเดินทางไปกับท่าน ?      


มี 4  คำตอบสำหรับเรื่องนี้คือ

1.   ท่านฮูเซนพาไปด้วยเพราะเป็นคำสั่งของอัลลอฮฺ   ท่านรายงานหะดีษว่า
اَيُّهَا النّاسُ اِنَّ رَسُولَ اللّه صلّى اللّه عليه وآله قَالَ مَنْ رَاَى سُلْطاناً جائراً مُسْتَحِلاًّ لِحَرامِ
اللّه ناكِثاً عَهْدَهُ مُخالِفاً لِسُنَّةِ رَسُولِ اللّه يَعْمَلُ فِىْ عِبادِاللّه بِالْإِ ثْمِ وَالْعُدْوَانِ فَلَمْ يُغَيِّرْ عَلَيْهِ
بِفِعْلٍ وَلا قَوْلٍ كانَ حَقّاً عَلَى اللّه اَنْ يُدْخِلهُ مَدْخَلَهُ
مقتل أبي مخنف للطبري  ج 1 ص 62
โอ้ประชาชนทั้งหลาย แท้จริงท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า บุคคลใดพบเห็นผู้ปกครองผู้โฉดชั่ว อนุมัติสิ่งที่อัลลอฮ์ต้องห้าม  ทำลายพันธสัญญาของพระองค์ ฝ่าฝืนต่อซุนนะฮ์ของรอซูลุลลอฮ์  ปฏิบัติในปวงบ่าวของอัลลอฮ์ ด้วยบาปและความเป็นศัตรู โดยที่เขา(เห็น)ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเขา(ผู้ปกครองชั่วนั้น) ไม่ว่าด้วยการกระทำหรือคำพูด มันก็สมควรที่อัลลอฮ์จะทรงนำเขาเข้าไปอยู่ยังสถานที่ของผู้ปกครองชั่วนั้น
อ้างอิงจากหนังสือมักตัล โดยอบีมิคนัฟ เล่ม 1 : 62
   
2.   อิมามฮุเซนต้องการให้ครอบครัวมีส่วนได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่ เหมือนที่พวกผู้ชายได้รับชะฮีด จากการต่อสู้กับผู้ปกครองชั่วในครั้งนี้

3.   ครอบครัวท่านได้ขอร้องกับอิมามฮุเซนว่า ให้พาพวกเขาไปด้วย เพราะพวกเขามิอาจพรากจากท่านได้  และอิม่ามก็รักพวกเขาเช่นกัน แต่เป็นความรักที่จะให้พวกเขาทำตัวให้เป็นที่รักยิ่งของอัลลอฮฺ

4.   ฮิกมัตของอัลลอฮฺ  ที่ให้อิม่ามฮูเซนพาสตรีและเด็กๆไปด้วย ก็เพื่อทำให้ขบวนการปฏิวัติผู้ปกครองชั่วของท่าน บรรลุเป้าหมายอย่างสมบูรณ์หลังจากท่านถูกสังหาร เพราะสตรีและเด็กๆที่รอดชีวิต  ได้จดจำทุกสิ่งที่กองทัพยะซีดได้ปฏิบัติต่ออิมามฮุเซนและนำมาเล่าให้ประชาชนรับฟังความจริงว่า หลานชายท่านนบีถูกอธรรมเช่นไร เป้าหมายการต่อสู้ของอิมามฮุเซนจะได้ไม่สูญเปล่า  หากยะซีดกับพวกสมุนแก้ตัว   พยานหลักฐานที่ดีที่สุดคือ  สมุนยะซีดได้ปฏิบัติอย่างโหดร้ายป่าเถื่อนกับอะฮ์ลุลบัยต์ นบีที่รอดชีวิต นับตั้งแต่นาทีแรกที่อิม่ามฮุเซนถูกสังหาร พวกเขาก็บุกเข้าไปเผากระโจมที่พักของสตรีและจับทุกคนเป็นเชลย

คำถามสำหรับซุนนี่


1.   ท่านคิดว่า ฮูเซน บุตรฟาติมะฮ์ บุตรศาสดามุฮัมมัด ต่อสู้กับยะซีด เพื่ออะไร

2.   ท่านคิดว่า ยะซีด ต่อสู้กับท่านฮูเซน บุตรฟาติมะฮ์ บุตรศาสดามุฮัมมัด เพื่ออะไร

 
  •  

L-umar

ชีอะฮ์ หรือ ซุนนี่  ที่เป็นคนตัดศรีษะ ท่านฮูเซน บุตรอะลี


อุละมาอ์ซุนนี่ระบุว่า  คนที่ลงมือตัดศรีษะท่านฮูเซน บุตรฟาตมะฮ์มีชื่อว่า  

ชิมร์  บุตร ซิล เญาชัน


หลักฐานقال إبن حبان : والذي تولى في ذلك اليوم حز رأس الحسين بن على بن أبى طالب شمر بن ذي الجوشن
ثقات لابن حبان ج 2 ص 312
ในวันนั้น(วันอาชูรอ) ผู้ที่ตัดศรีษะท่านฮูเซนบุตรอะลีคือชิมร์ บินซิลเญาชัน
อ้างอิงจากหนังสือ      อัษ-ษิกอต โดยอิบนุ หิบบาน เล่ม 2 : 312  


คำถามที่สำคัญคือ   ชิมร์  บินซิลเญาชัน เป็นชีอะฮ์  หรือซุนนี่ ?


จากตำราหะดีษของซุนนี่บันทึกว่า

شمر بن ذي الجوشن أبو السابغة الضبابي:
عن أبيه وعنه أبو إسحاق السبيعي ليس بأهل للرواية فإنه أحد قتلة الحسين رضي الله عنه وقد قتله أعوان المختار روى أبو بكر بن عياش عن أبي إسحاق قال كان شمر يصلي معنا
ثم يقول : اللهم  إنك تعلم  إني شريف فاغفر لي  
قُلْتُ : كيف يغفر الله لك وقد أعنت على قتل بن رسول الله صلى الله عليه وسلم
قال : ويحك فَكَيْفَ نَصْنَعُ أَنَّ أُمَرَاءَنَا هؤلاء أَمَرُوْنَا بِأَمْرٍ فَلَمْ نُخَالِفْهُمْ وَلَوْ خَالَفْنَاهُمْ كُنَّا شَرًّا مِنْ هَذِهِ الْحمر الشقاء.
قُلْتُ : إن هذا لعذر قبيح فإنما الطاعة في المعروف انتهى.
الكتاب :
لسان الميزان  لابن حجر العسقلاني  ج 3 ص 152 رقم : 546

อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีกล่าวว่า   ชิมร์ บินซิลเญาชัน  อบู ซาบิเฆาะฮ์ อัฎ-ฏ็อบาบี  
ชิมร์ รายงานหะดีษจากบิดาเขา(คือซิลเญาชัน)
ผู้ที่รายงานหะดีษจากชิมร์คือ  อบู อิสฮาก อัส-สุบัยอี  
ชิมร์ไม่คู่ควรสำหรับการรายงานหะดีษเลย  เพราะเขาคือบุคคลหนึ่งที่สังหารท่านฮูเซน(รฎ.)
พวกของมุคต้ารได้ฆ่าชิมร์
อบูบักร บินอัยย๊าชรายงานจาก อบีอิสฮ๊ากได้เล่าว่า :
ชิมร์เคยร่วมนมาซอยู่กับพวกเรา  จากนั้นชิมร์กล่าวว่า :  โอ้อัลลอฮ์ แท้จริงพระองค์ทรงรู้ว่า ฉันนั้นมีเกียรติ ดังนั้นโปรดยกโทษให้ฉันด้วยเถิด
อบูอิสฮ๊ากจึงกล่าวว่า : อัลลอฮ์จะยกโทษให้ท่านได้อย่างไร ในเมื่อท่านให้ความช่วยเหลือในการสังหารหลานชายของท่านรอซูลุลเลาะฮ์(ศ)
ชิมร์กล่าวว่า  :  วิบัติจงมีแด่เจ้า  แล้วจะให้เราทำอย่างไร แท้จริงผู้ปกครองของเราเหล่านี้ได้สั่งเราให้ทำ  เราจึงไม่อาจฝ่าฝืน(คำสั่งของ)พวกเขา  และถ้าหากเราฝ่าฝืนคำสั่งของพวกเขา  พวกเราก็จะเป็นคนเลวยิ่งกว่าฝูงลาเหล่านี้อีก
อิบนุหะญัรกล่าวว่า : นี่เป็นคำแก้ตัวที่เลวทรามยิ่ง เพราะการเชื่อฟังนั้น จะต้องอยู่ในเรื่องความดีเท่านั้น จบ.

อ้างอิงจากหนังสือ
ลิซานุล มีซาน โดยอิบนุหะญัร เล่ม 3 : 152 อันดับที่ 546
มีซานุลออิ๊อฺติดาล  โดยอัซซะฮะบี  เล่ม 2 : 280  อันดับที่ 3742
ตารีค ดามัสกัส  โดยอิบนุอะซากิร เล่ม 23 : 189
ตารีคุลอิสลาม  โดยอัซซะฮะบี  เล่ม 2 : 87

ขอให้ท่านอ่านหะดีษที่อบูอิสฮ๊ากรายงาน คำพูดของชิมร์ บินซิลเญาชันอีกครั้ง
((( แท้จริงผู้ปกครองของเราเหล่านี้  ได้สั่งเราให้ทำ  )))

อะกีดะฮ์ของชิมร์ ก็บอกชัดว่า ยะซีด ,อุบัยดุลเลาะฮ์และอุมัรบินสะอัดคือ หัวหน้าของเขา ไม่ใช่ท่านฮูเซน

เพราะฉะนั้น  คนตัดศรีษะท่านฮูเซน คือ ซุนนี่

อะกีดะฮ์ของชีอะฮ์คือ  ท่านฮูเซนคืออิหม่ามที่สามและเป็นหัวหน้าของพวกเขา
ส่วนยะซีด ,อุบัยดุลเลาะฮ์,อุมัรบินสะอัดและทหารไม่ยอมรับว่า ฮูเซนเป็นอิหม่ามของพวกเขา
ดังนั้น คนปัญญาอ่อนเท่านั้น ที่พยายามหยิบยกคำพูด  มาบอกกับชาวโลกว่า
ชีอะฮ์คือพวกที่สังหารอิหม่ามฮูเซน มันช่างเป็นคำพูดที่โง่เง่ามากๆ หากพวกเขามีปัญญาคิดสักนิดว่า ชีอะฮ์คือผู้ตามอิหม่ามฮูเซนน แล้วจะจับดาบมาฆ่าอิหม่ามของพวกเขาได้อย่างไร หากกล่าวแบบนั้น  เราก็สามารถกล่าวได้ว่า  พวกอาหรับในเมืองมักกะฮ์คือคนชั่วที่สุดบนโลก เพราะเดิมพวกเขาคือผู้ที่ต่อต้านและทำร้ายท่านนบีมุฮัมมัดมากที่สุด

เชคอุษมาน คอมีส กล่าวว่า
أنا لم أقل حسب ما أذكر أن عبيد الله بن زياد لم يكن ناقما على الحسين بل عبيد الله من النواصب
الكتاب :  فتاوى الشيخ عثمان الخميس  ج 127  ص 1

ข้าพเจ้าไม่เคบพูดตามที่กล่าวมาว่า แท้จริงอุบัยดุลเลาะฮ์ บินซิยาดมิได้แค่เป้นผู้แก้แค้นต่อท่านฮูเซนเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นอุบัยดุลเลาะฮ์ยังเป็นพวกนาศิบ(ชิงชังอะฮ์ลุลบัยต์)อีกด้วย
อ้างอิงจาก  : ฟะตาวา  อัช-ชัยคุ อุษมาน อัลคอมีส  เล่ม 127  : 1
ดูเวป    www.almanhaj.net
 


คำถามสำหรับซุนนี่

เมื่อนายชิมร์ บินซิลเญาชัน บอกว่ายะซีดกับอุบัยดุลเลาะฮ์คือ ผู้นำของเขา  แล้วท่านยังคิดว่า ชิมร์ผู้นี้เป็นชีอะฮ์ อีกหรือ
  •  

80 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้