Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

มีนาคม 28, 2024, 07:10:43 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 2,519
  • หัวข้อทั้งหมด: 647
  • Online today: 70
  • Online ever: 70
  • (วันนี้ เวลา 05:38:43 หลังเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 48
Total: 48

ษะเกาะลัยน์ ( สิ่งหนัก 2 ประการ )

เริ่มโดย L-umar, พฤษภาคม 27, 2010, 05:29:47 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar


ษะเกาะลัยน์  ( สิ่งหนัก  2 ประการ )



ท่านศาสดามุฮัมมัด(ขอพรและสันติจงมีแด่ท่านและวงศ์วานของท่าน)ได้กล่าวว่า
 
إِنِّي تَارِكٌ فِيْكُمْ الثَّقَلَيْنِ كِتَابَ اللَّهِ وَأَهْلَ بَيْتِيْ

ข้าพเจ้าขอมอบสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่พวกท่านคือ คัมภีร์อัลกุรอ่านและอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน


   

หะดีษบทนี้มีชื่อว่า " ษะเกาะลัยน์ " แปลว่า " สิ่งหนักสองสิ่ง "  และผลของการยึดมั่นต่อสองสิ่งนี้คือ เขาจะได้รับความปลอดภัยและไม่หลงทาง  



ชีอะฮ์อาลีมักหยิบยกหะดีษษะเกาะลัยน์มาอ้างอิงถึงจุดยืนของตนเองเสมอ  
หากท่านถูกถามว่า หะดีษษะเกาะลัยน์ที่ซอฮิ๊ฮ์มันอยู่ในหนังสือชีอะฮ์ชื่ออะไร เล่มและหน้าที่เท่าไหร่ และหะดีษเลขที่เท่าไหร่ ?  
ลองถามตัวเองดูสิว่า ท่านสามารถตอบคำถามนี้ได้หรือไม่ หากตอบได้ย่อมแสดงว่าท่านมีหลักฐานอย่างถูกต้องตามสิ่งที่ท่านเชื่อถือ  
แต่ถ้าหากท่านตอบคำถามนี้ไม่ได้จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่ท่านควรซ่อมเสริมจุดอ่อนและพัฒนาคุณภาพความเชื่อทางศาสนาของตนเองให้เข้มแข็งด้วยหลักฐานอ้างอิงอย่างถูกต้อง  เพื่อท่านจะได้เป็นชีอะฮ์อาลีที่มีคุณภาพมีความรู้อย่างแท้จริง และเป็นความภาคภูมิใจของอะฮ์ลุลบัยต์นะบี(ขอสันติจงมีแด่พวกเขา)  

อิม่ามญะอ์ฟัร อัศศอดิก (อะลัยฮิสสลาม) กล่าวว่า

مَعَاشِرَ الشِّـيْعَةِ كُوْنُوْا لَنَا زَيْناً وَ لَا تَكُوْنُوْا عَلَـيْنَا شَـيْناً

โอ้ชีอะฮ์ทั้งหลาย ! จงทำตัวเป็นเครื่องประดับสำหรับเรา  และจงอย่าทำตัวเป็นผู้สร้างความเสื่อมเสียอับอายให้กับเรา      
ดูวะซาอิลุชชีอะฮ์  เล่ม 12 : 194 หะดีษที่ 16063





۩  คำถาม :

คุณกล่าวว่า ชีอะฮ์คือผู้ปฏิบัติตามกิตาบุลลอฮ์และอะฮ์ลุลบัยต์   จงยกหะดีษกิตาบุลลอฮ์วะอะฮ์ลุลบัยตีที่ซอฮิ๊ฮ์ จากตำราชีอะฮ์และซุนนี่มาแสดง




►หะดีษษะเกาะลัยน์  จากตำราชีอะฮ์

บทที่ 1 -

( رَوَي الشَّيْخُ الْكُلَيْنِيُّ ) عَلِيُّ بْنُ إِبْرَاهِيمَ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ عِيسَى عَنْ يُونُسَ وَ عَلِيُّ بْنُ مُحَمَّدٍ عَنْ سَهْلِ بْنِ زِيَادٍ أَبِي سَعِيدٍ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ عِيسَى عَنْ يُونُسَ عَنِ ابْنِ مُسْكَانَ عَنْ أَبِي بَصِيرٍ قَالَ سَأَلْتُ أَبَا عَبْدِ اللَّهِ (ع)...
قَالَ رَسُوْلُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ وَسَلَّمَ : أُوْصِيْكُمْ بِكِتَابِ اللَّهِ وَ أَهْلِ بَيْتِي فَإِنِّي سَأَلْتُ اللَّهَ عَزَّ وَ جَلَّ أَنْ لَا يُفَرِّقَ بَيْنَهُمَا حَتَّى يُوْرِدَهُمَا عَلَيَّ الْحَوْضَ فَأَعْطَانِيْ ذَلِكَ
الكافي ج 1  ص 287 ح 1
مَرْكَزُ الْبُحُوْثِ الْكومبيوترية لِلْعُلُوْمِ الْإِسْلاَمِيَّةِ : صَحِيْحٌ

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า : ฉันขอสั่งเสียพวกท่าน ด้วย(การปฏิบัติตาม)คัมภีร์ของอัลลอฮ์และอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  ฉันได้ขอต่ออัลลอฮ์อัซซะวะญัลว่าโปรดอย่าแยกทั้งสองสิ่งออกจากกัน จนกว่าจะทรงนำทั้งสองสิ่งมายังฉันที่อัลเฮาฏ์(สระเกาษัร) แล้วพระองค์ทรงให้สิ่งนั้นแก่ฉัน

ดูอัลกาฟี  โดยเชคกุลัยนี  ( 259 – 329 ฮ.ศ. ) เล่ม 1 : 286 หะดีษที่ 1  
สถานะหะดีษซอฮิ๊ฮ์  ตรวจทานโดยมัรกัซบุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์  กุม อิหร่าน



สายรายงานของอิม่ามศอดิกถึงรอซูลุลลอฮ์(ศ)มีดังนี้  อิม่ามศอดิก ผู้นำที่ 6 กล่าวว่า  :

حَدِيْثِي حَدِيْثُ أَبِي وَ حَدِيْثُ أَبِي حَدِيْثُ جَدِّي وَ حَدِيْثُ جَدِّي حَدِيْثُ الْحُسَيْنِ وَ حَدِيْثُ الْحُسَيْنِ حَدِيْثُ الْحَسَنِ وَ حَدِيْثُ الْحَسَنِ حَدِيْثُ أَمِيْرِ الْمُؤْمِنِينَ ( ع ) وَ حَدِيْثُ أَمِيْرِ الْمُؤْمِنِينَ حَدِيْثُ رَسُولِ اللَّهِ (صلى الله عليه وآله )

หะดีษของฉันคือ หะดีษของบิดาฉัน(อิม่ามบาเก็ร), หะดีษของบิดาฉันคือหะดีษของปู่ฉัน (อิม่ามอาลีบินฮูเซน) , หะดีษของปู่ฉันคือหะดีษของอิม่ามฮูเซน , หะดีษของอิม่ามฮูเซนคือหะดีษของอิม่ามฮาซัน , หะดีษของอิม่ามฮาซันคือหะดีษของอิม่ามอาลี , หะดีษของอิม่ามอาลีคือ คำพูดของท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)

ดูอัลกาฟี  โดยเชคกุลัยนี  เล่ม 1 : 53 หะดีษที่  14  สายรายงานเชื่อได้

บทที่ 2 -

 ( رَوَي مُحَمَّدُ بْنُ حَسَنِ الصَّفاَّرُ ) حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ الْحُسَيْنِ عَنْ جَعْفَرِ بْنِ بَشِيرٍ عَنْ ذَرِيحِ بْنِ يَزِيدَ عَنْ أَبِيْ عَبْدِ اللَّهِ عَلَيْهِ السَّلَام قَالَ :
قَالَ رَسُوْلُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ وَسَلَّمَ :
إِنِّي قَدْ تَرَكْتُ فِيْكُمْ الثَّقَلَيْنِ كِتَابَ اللَّهِ وَ أَهْلَ بَيْتِي فَنَحْنُ أَهْلُ بَيْتِهِ

มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน จากญะอ์ฟัร บินบะชีร จากซะเรี๊ยะห์ บินยาซีด จากอิม่ามอะบีอับดิลละฮ์  (ได้เล่าจากบิดาและปู่ทวดของเขาว่า )  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า : แท้จริงฉันได้ทิ้งไว้ในหมู่พวกท่านสิ่งหนักสองสิ่งคือ คัมภีร์ของอัลลอฮ์และอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน ดังนั้นพวกเราคืออะฮ์ลุลบัยต์ของเขา

ดูบะซออิรุดดะเราะญ๊าต โดยอัศศ็อฟฟ้าร  หน้า  424  หะดีษที่  4  
สถานะหะดีษ  สายรายงานเชื่อถือได้



พิเคราะห์สะนัดหะดีษ

มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน จากญะอ์ฟัร บินบะชีร จากซะเรี๊ยะห์ บินยาซีด จากอิม่ามอะบีอับดิลละฮ์ จากรอซูลุลลอฮ์(ศ)

มุฮัมมัด บินฮาซัน อัศศ็อฟฟ้าร มรณะฮ.ศ.290  ( สาวกอิม่ามฮาซันอัสการี อ.) :  
เชคอะหมัด บินอาลี อันนะญาชี ( 372-450 ฮ.ศ.) กล่าวว่า  มุฮัมมัด บินฮาซัน บินฟัรรูค อัศศอฟฟาร  : เชื่อถือได้  ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่  948

มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน บินอะบิลค็อตตอบ มรณะฮ.ศ.262  :
เชคมุฮัมมัดบินอัลฮาซัน อัตตูซี่(385-460 ฮ.ศ.)กล่าวว่า  มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน  : เชื่อถือได้ ดูริญาลเชคตูซี่  อันดับที่  5615
เชคอะหมัด บินอาลี อันนะญาชี ( 372-450 ฮ.ศ.) กล่าวว่า  มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน  : เชื่อถือได้  ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่  897
อัลลามะฮ์ฮิลลี่(648-726 ฮ.ศ.)กล่าวว่า  มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน  : เชื่อถือได้ ดูคุลาเศาะตุลอักวาล  อันดับที่  20

ญะอ์ฟัร บินบะชีร อัลบะญะลี มรณะฮ.ศ.208 :
เชคมุฮัมมัดบินอัลฮาซัน อัตตูซี่(385-460 ฮ.ศ.)กล่าวว่า  ญะอ์ฟัร บินบะชีร อัลบะญะลี  : เชื่อถือได้ ดูฟะฮ์ร็อสตูซี่  อันดับที่  131
เชคอะหมัด บินอาลี อันนะญาชี ( 372-450 ฮ.ศ.) กล่าวว่า ญะอ์ฟัร บินบะชีร อัลบะญะลี  : เชื่อถือได้ ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่  304
อัลลามะฮ์ฮิลลี่(648-726 ฮ.ศ.)กล่าวว่า ญะอ์ฟัร บินบะชีร   : เชื่อถือได้ ดูคุลาเศาะตุลอักวาล  อันดับที่  7

ซะเรี๊ยะห์ อัลมุฮาริบี มรณะฮ.ศ.148 :  
เชคอะหมัด บินอาลี อันนะญาชี ( 372-450 ฮ.ศ.) กล่าวว่า  ซะเรี๊ยะห์ บินมุฮัมมัด บินยาซีด อบุลวะลีด อัลมุฮาริบี  เขารายงานหะดีษจากอะบีอับดิลละฮ์(อิม่ามศอดิก)และอิม่ามอบิลฮาซัน    ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่  431
เชคมุฮัมมัดบินอัลฮาซัน อัตตูซี่(385-460 ฮ.ศ.)กล่าวว่า  ซะเรี๊ยะห์ อัลมุฮาริบี : เชื่อถือได้ ดูอัลฟะฮ์ร็อสตูซี่  อันดับที่  279


บทที่ 3 -

قَالَ رَسُوْلُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ وَسَلَّمَ : إِنِّي تَارِكٌ فِيْكُمْ أَمْرَيْنِ إِنْ أَخَذْتُمْ بِهِمَا لَنْ تَضِلُّوْا كِتَابَ اللَّهِ عَزَّ وَ جَلَّ وَ أَهْلَ بَيْتِي عِتْرَتِي

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า : แท้จริงฉันคือผู้ทิ้งไว้ในหมู่พวกท่านสองสิ่ง หากพวกท่านยึดเอาสองสิ่งนั้นไว้ พวกท่านจะไม่หลงทางอย่างเด็ดขาดคือ  คัมภีร์ของอัลลอฮ์และอะฮ์ลุลบัยตีคืออิตเราะฮ์ของฉัน  

ดูอัลกาฟี โดยเชคกุลัยนี  เล่ม 1 : 294  หะดีษที่ 3  
  •  

L-umar


►หะดีษษะเกาะลัยน์ จากตำราซุนนี่



1. ท่านญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัดจากบิดาเขาจากท่านญาบิร บินอับดุลลอฮ์เล่าว่า  : ฉันได้เห็นท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ในการบำเพ็ญฮัจญ์ของท่านในวันอะเราะฟะฮ์ ซึ่งท่านอยู่บนหลังอูฐกำลังปราศรัย แล้วฉันได้ยินท่านกล่าวว่า  โอ้ประชาชนทั้งหลาย

إِنِّى قَدْ تَرَكْتُ فِيْكُمْ مَا إِنْ أَخَذْتُمْ بِهِ لَنْ تَضِلُّوْا كِتَابَ اللَّهِ وَعِتْرَتِى أَهْلَ بَيْتِىْ

แท้จริงฉันได้ทิ้งไว้ให้แก่พวกท่านถึงสิ่งซึ่งหากพวกท่านยึดมั่นต่อสิ่งนั้น พวกท่านจะไม่หลงทางโดยเด็ดขาด สิ่งนั้นคือคัมภีร์ของอัลลอฮ์และอิตเราะตีคืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน

สถานะหะดีษ : ซอฮิ๊ฮ์ ดูซอฮิ๊ฮ์ติรมีซี ( 209- 279  ฮ.ศ.) หะดีษที่  2978    
ตรวจทานโดยเชคอัลบานี ( 1333 - 1420 ฮ.ศ.)




2. เซด บินษาบิตเล่าว่า  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า :

إِنِّي تَارِكٌ فِيْكُمْ خَلِيفَتَيْنِ كِتَابُ اللَّهِ حَبْلٌ مَمْدُودٌ مَا بَيْنَ السَّمَاءِ وَالْأَرْضِ أَوْ مَا بَيْنَ السَّمَاءِ إِلَى الْأَرْضِ وَعِتْرَتِي أَهْلُ بَيْتِي وَإِنَّهُمَا لَنْ يَتَفَرَّقَا حَتَّى يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ

แท้จริงฉันคือผู้มอบไว้ในหมู่พวกท่าน 2 คอลีฟะฮ์คือ คัมภีร์ของอัลลอฮ์คือเชือกที่ทอดอยู่ระหว่างฟ้ากับแผ่นดิน และอิตเราะตีคืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน แท้จริงสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกันอย่างเด็ดขาด จนทั้งสองจะกลับมาพบฉันที่อัลเฮาฎ์

สถานะหะดีษ : ซอฮิ๊ฮ์ ดูมุสนัดอะหฺมัด  หะดีษที่  21618
ฉบับตรวจทานโดยเชคชุเอบ อัรนะอูฏ ( เกิด 1928 ค.ศ. ปัจจุบันอายุ 82  ปี)



3. เซด บินอัรก็อมเล่าว่า  ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า :

كَأَنِّيْ دُعِيْتُ فَأَجِبْتُ وَإِنِّيْ تَارِكٌ فِيْكُمُ الثَّقَلَيْنِ أَحَدَهُمَا أَكْبَرُ مِنَ الْآخَرِ : كِتَابُ اللهِ وَعِتْرَتِيْ أَهْلُ بَيْتِيْ فَانْظُرُوْا كَيْفَ تُخْلِفُوْنِيْ فِيْهِمَا  فَإِنَّهُمَا لَنْ يَتَفَرَقَا حَتَّي يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ

ดูเหมือนว่าฉันถูกเรียก(กลับแล้ว)และฉันได้ตอบรับแล้ว แท้จริงฉันได้มอบไว้แก่พวกท่านสิ่งหนักสองสิ่ง สิ่งแรกใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่งคือคัมภีร์ของอัลลอฮ์ และอิตเราะตีคืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  ดังนั้นพวกท่านจงดูเถิดว่า พวกท่านจะขัดแย้งกับฉันในสองสิ่งนี้อย่างไร เพราะแท้จริงสองสิ่งนี้จะไม่แยกจากกัน จนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่สระเกาษัร

สถานะหะดีษ : ซอฮิ๊ฮ์ ดูอัลมุสตัดร็อก อะลัซซ่อฮีฮัยนิ โดยอัลฮากิม
( 321- 405 ฮ.ศ.) เล่ม 10 : 337 หะดีษที่  4553
และซิลซิละตุซซอฮีฮะฮ์  โดยเชคอัลบานี เล่ม 4 : 330 หะดีษที่ 1750  





۩  คำถามสำหรับวาฮาบี
 
คุณกล่าวว่า  ท่านนะบี(ศ)สั่งให้ปฏิบัติตามกิตาบุลลอฮ์และซุนนะฮ์ของท่าน  จงยกหะดีษกิตาบุลลอฮ์วะซุนนะตีที่ซอฮิ๊ฮ์ จากตำราซุนนี่และชีอะฮ์มาแสดง



۩ หะดีษษะเกาะลัยน์ถูกบันทึกอยู่ในตำราซุนนี่ดังต่อไปนี้

1,ซอฮิ๊ฮ์มุสลิม  หะดีษที่  4425
2,สุนันติรมิซี  หะดีษที่  3718,3720
3,สุนันดาริมี หะดีษที่  3182
4,สุนันบัยฮะกี  หะดีษที่  148
5,มุสนัดอะหมัด หะดีษที่  14,17,26,58,181
6,อัลมุสตัดร็อก ฮากิม  หะดีษที่  4576,4577,4711,6272
7,สุนันกุบรอ โดยนะซาอี หะดีษที่  8148
8,ซิลซิละตุซซอฮีฮะฮ์ โดยเชคอัลบานี เล่ม 4 : 330 หะดีษที่ 1750


อธิบาย : หะดีษษะเกาะลัยน์เพียงบทเดียวย่อมถือว่าเพียงพอแล้วในการพิสูจน์ถึงความถูกต้องของมัซฮับชีอะฮ์อาลี  เพราะบรรดาชีอะฮ์ถือว่าจำเป็นต้องยึดคัมภีร์กุรอ่านและอะฮ์ลุลบัยต์นะบี  เราจะเห็นได้ว่าหะดีษบทนี้ ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้สั่งอย่างชัดเจนว่า ให้ปฏิบัติตามอะฮ์ลุลบัยต์หลังจากท่านเสียชีวิต เพราะฉะนั้นการปฏิบัติตามคัมภีร์กุรอ่านและอะฮ์ลุลบัยต์คือ  เงื่อนไขแห่งความปลอดภัยและความไม่หลงทาง



۩ คำถาม : อะไรคือหลักฐานที่พิสูจน์ว่า → อิม่าม12ที่ชีอะฮ์ยึดคือความหมายของคำ << อะฮ์ลุลบัยต์หรืออิตเราะฮ์ >> ในหะดีษษะเกาะลัยน์  ?  



คำตอบ  เพราะมีหะดีษซอฮิ๊ฮ์รายงานดังนี้

رَوَي الشَّيْخُ الصَّدُوْقُ : حَدَّثَنَا ْ أَحْمَدُ بْنُ زِيَادِ بْنِ جَعْفَرٍ الْهَمَذَانِي‏ قَالَ : حَدَّثَنَا عَلِىُّ بْنُ اِبْرَاهِيْمَ بْنِ هَاشِمٍ عَنْ أَبِيْهِ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ أَبِي عُمَيْر عَنْ غِيَاثِ بْنِ إِبْرَاهِيْمَ عَنِ الصَّادِقِ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ عَنْ أَبِيْهِ مُحَمَّدِ بْنِ عَلِىٍ عَنْ أَبِيْهِ عَلِىِّ بْنِ الْحُسَيْنِ عَنْ أَبِيْهِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِىٍّ عَلَيْهِ السَّلاَمِ قَالَ :  سُئِلَ أَمِيْرُ الْمُؤْمِنِيْنَ عَلَيْهِ السَّلاَمِ عَنْ مَعْنَى قَوْلِ رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ إِنِّىْ مُخَلِّفٌ فِيْكُمُ الثَّقَلَيْنِ كِتَابُ اللهِ وَعِتْرَتِيْ مَنِ الْعِتْرَةُ ؟ فَقَالَ : أَنَا وَالْحَسَنُ وَالْحُسَيْنُ وَالْأَئِمَّةُ التِّسْعَةُ مِنْ وُلْدِ الْحُسَيْنِ تَاسِعُهُمْ مَهْدِيُّهُمْ وَقَائِمُهُمْ لاَ يُفَارِقُوْنَ كِتَابَ اللهِ وَلاَ يُفَارِقُهُمْ حَتَّى يَرِدَوْا عَلَى رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ حَوْضَـهُ

เชคศอดูกเล่าว่า :   อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานีเล่าให้เราฟัง จากอาลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิมจากบิดาเขา จากมุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน จากฆิยาษ บินอิบรอฮีมเล่าว่า :  จากอิม่ามอัศศอดิก ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด จากบิดาเขาคืออิม่ามมุฮัมมัด บินอาลี จากบิดาเขาคืออิม่ามอาลี บินฮูเซน จากบิดาเขาคืออิม่ามฮูเซน บินอาลีเล่าว่า :  
ท่านอิม่ามอะมีรุลมุอ์มินีน(อิม่ามอาลี) ถูกถามถึงความหมายของวจนะท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ที่กล่าวว่า : แท้จริงฉันได้มอบสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่พวกท่าน  สิ่งแรกคือคัมภีร์ของอัลลอฮ์และอิตเราะฮ์ของฉัน,(ว่า) ใครคืออิตเราะฮ์ ?  ท่าน(อิม่ามอาลี)ได้ตอบว่า :  คือฉัน , ฮาซัน , ฮูเซนและบรรดาอิม่ามอีก 9 คนที่สืบเชื้อสายจากลูกหลานของฮูเซนคนที่ 9 คือมะฮ์ดีของพวกเขาและคือกออิมของพวกเขา  
พวกเขาจะไม่แยกจากคัมภีร์ของอัลลอฮ์ และคัมภีร์ของอัลลอฮ์ก็จะไม่แยกจากพวกเขา จนทั้งสองจะกลับคืนมายังท่านรอซูลุลลอฮ์ที่สระอัลเฮาฎ์ของท่าน


ดูหนังสืออุยูนุ อัคบาริลริฎอ(อ)  โดยเชคศอดูก  เล่ม 1 : 57 หะดีษที่ 25  


อิม่ามฮูเซนบินอาลี(อ)ได้เล่าว่า บิดาของท่านถูกถามถึงคำพูดของท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ที่กล่าวว่า : ฉันคือผู้มอบสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่พวกท่าน  สิ่งแรกคือคัมภีร์ของอัลลอฮ์และอิตเราะฮ์ของฉัน  คำถามคือใครคืออิตเราะฮ์ในที่นี้ ?  อิม่ามอาลี(อ)ได้ให้คำตอบว่า :  อิตเราะฮ์ในหะดีษษะเกาะลัยน์หมายถึงตัวฉัน , ฮาซัน , ฮูเซนและบรรดาอิม่ามอีก 9 คนที่สืบเชื้อสายจากลูกหลานของฮูเซนซึ่งคนที่ 9 คืออิม่ามมะฮ์ดี(อ)   หากท่านนับจำนวนดูคือ 1.อิม่ามอาลี 2.อิม่ามฮาซัน 3.อิม่ามฮูเซนและอิม่ามอีก 9 คนนั่นคือ 3 + 9 = 12   ซึ่งนี่คือคำอธิบายของอิม่ามอาลี(อ) ฉะนั้นเหตุที่ชีอะฮ์ยึด12 อิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์เป็นผู้นำสืบต่อจากนะบีมุฮัมมัด(ศ)ก็เพราะว่า มีหะดีษในลักษณะเช่นนี้รายงานกำกับเอาไว้นั่นเอง  หากท่านถามว่า หะดีษบทนี้ซอฮิ๊ฮ์หรือไม่ ?  คำตอบคือเราต้องไปดูว่า  นักรายงานหะดีษบทนี้เชื่อถือได้หรือไม่


۩ พิเคราะห์สายรายงานหะดีษ

1.เชคศอดูก→ 2.อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานี → 3.อาลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิม→ 4.จากบิดาเขา→ 5. มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน → 6. ฆิยาษ บินอิบรอฮีม → 7. อิม่ามญะอ์ฟัร(อัศศอดิก) บินมุฮัมมัด → 8. อิม่ามมุฮัมมัด(อัลบาเก็ร) บินอาลี → 9. อิม่ามอาลี(ซัยนุลอาบิดีน) บินฮูเซน → 10. อิม่ามฮูเซน บินอาลี → 11. อิม่ามอาลี บินอะบีตอลิบ

1. เชคศอดูก ( 305 – 381 ฮ.ศ.รวมอายุ 76 ปี)  →
เขาอยู่ในยุคตัวแทนพิเศษ(นาอิบค็อศ)คนสุดท้ายของอิม่ามมะฮ์ดี เขารายงานหะดีษจากบิดาของเขาชื่อ อาลี บินฮูเซน บินบาบะวัยฮฺ อัลกุมมี บิดาเชคศอดูกเคยเข้าพบอิม่ามฮาซันอัสการี และเขาอยู่จนถึงยุคฆ็อยบะฮ์ของอิม่ามมะฮ์ดี(อ)  ชื่อเต็มของเชคศอดูกคือเชคอะบูญะอ์ฟัร   มุฮัมมัด บินอาลี บินอัลฮูเซน บินมูซา บินบาบะวัยฮฺ  อัลกุมมี   รู้จักกันนาม  เชคศอดูก
เกิดหลังปีฮ.ศ. 305  ที่เมืองกุม ประเทศอิหร่าน  ด้วยบะร่อกัตจากการขอดุอาอ์ของอิม่ามมะฮ์ดี(อ)และมรณะในปีฮ.ศ. 381 ที่เมืองเรย์ อยู่ทางตอนใต้ของเตฮะรานประเทศอิหร่าน สุสานของเชคศอดูกอยู่ใกล้ๆกับสุสานของสัยยิดอับดุลอะซีม อัลฮาซานี
เชคมุฮัมมัดบินอัลฮาซัน อัตตูซี่(385-460 ฮ.ศ.)กล่าวว่า :  มุฮัมมัด บินอาลี บินอัลฮูเซน บินมูซา บินบาบะวัยฮฺ  อัลกุมมี  ฉายาอะบูญะอ์ฟัร    : เขาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิระดับสูง  นักท่องจำหะดีษ    ผู้เชี่ยวชาญอิลมุลริญาล  นักวิจารณ์สายรายงานหะดีษ   ไม่เคยเห็นในชาวเมืองกุมคนใดเหมือนเขาในความจำของเขา และในความรู้ที่มากมายของเขา    
ดูอัลฟะฮ์ร็อสต์ โดยเชคตูซี่  อันดับที่  695  

2.อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานี →
เขาคือสาวกของอิม่ามอาลีอัลฮาดี อิม่ามคนที่ 10
อัลลามะฮ์ฮิลลี(648-726 ฮ.ศ.) กล่าวว่า : อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานี   เขาเป็นคนที่เชื่อถือได้ในการรายงาน  
ดูคุลาเศาะตุลอักวาล  อันดับที่  37
สัยยิดอาลี อัลบุรูญัรดีกล่าวว่า :  อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานี   เชื่อถือได้ในการรายงาน  ท่านอะบูญะอ์ฟัร บินบาบะวัยฮฺ(เชคศอดูก)ได้รายงานหะดีษจากเขา  และได้ยกย่องต่อเขาเอาไว้ในหนังสือกะลมาลุดดีน โดย(เชคศอดูก)ได้กล่าวว่า  เขา(อะหมัดบินซิยาด)เป็นคนที่เชื่อถือได้ในการรายงาน มีศาสนา มีความประเสริฐ   ท่านอัลลามะฮ์ฮิลลี่ได้ให้ความเชื่อถือต่อเขาไว้ในหนังสือคุลาเศาะตุลอักวาลและได้ยกย่องเขาไว้เช่นกัน เพราะฉะนั้นชายคนนี้จึงถูกยอมรับต่อการรายงานหะดีษโดยไม่ต้องสงสัย   ดูเฏาะรออิฟุละกอล  อันดับที่  772

3.อาลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิม อัลกุมมี→
เขาคือสาวกของอิม่ามมุฮัมมัดอัลญะวาด อิม่ามคนที่ 9  มีชีวิตอยู่ในช่วงฮ.ศ.307 คืออาจารย์คนหนึ่งของเชคกุลัยนี  เขาได้ฟังหะดีษมามากมายและได้แต่งตำราไว้หลายเล่ม  เขาได้รับการถ่ายทอดความรู้จากบิดาของเขาและได้รายงานหะดีษจากบิดาของเขาไว้มากมาย
ผู้ที่รายงานหะดีษจากอาลี บินอิบรอฮีม →เชคกุลัยนี (เจ้าของหนังสืออุศูลกาฟี) อะหมัด บินซิยาด บินญะอ์ฟัร อัลฮะมะดานีและคนอื่นๆ
เชคอะหมัด บินอาลี อันนะญาชี ( 372-450 ฮ.ศ.) กล่าวว่า :  อาลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิม  อะบุลฮาซัน ชาวเมืองกุม   เชื่อได้ในการรายงานหะดีษ  มั่นคง ยึดถือได้  อยู่มัซฮับที่ถูกต้อง   ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่ 680

อัลลามะฮ์ฮิลลี(648-726 ฮ.ศ.) กล่าวว่า : อาลี บินอิบรอฮีม บินฮาชิม  อะบุลฮาซัน ชาวเมืองกุม   เชื่อได้ในการรายงานหะดีษ  มั่นคง ยึดถือได้  อยู่มัซฮับที่ถูกต้อง  ดูคุลาเศาะตุลอักวาล  อันดับที่ 45

4. อิบรอฮีม บินฮาชิม อัลกุมมี (คือบิดาของอาลี บินอิบรอฮีม) →
เขามีชีวิตอยู่ในช่วงก่อนฮ.ศ.247 เป็นนักรายงานหะดีษ เจ้าของตัฟสีรที่รู้จักกันด้วยชื่อ ตัฟสีรอัลกุมมี
อิบรอฮีม บินฮาชิมรายงานหะดีษจาก → มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยรินและคนอื่นๆอีกมากมาย  ผู้ที่รายงานหะดีษจากอิบรอฮีม บินฮาชิมคือ → อาลี บินอิบรอฮีมคือบุตรของเขาและคนอื่นๆอีกมากมาย
อิบรอฮีม บินฮาชิมมีชีวิตอยู่จนถึงสมัยอิม่ามริฎอ อิม่ามคนที่ 8 และนับว่าเขาคือสาวกคนหนึ่งของท่าน  
เชคอะหมัด บินอาลี อันนะญาชี ( 372-450 ฮ.ศ.) กล่าวว่า : อิบรอฮีม บินฮาชิม อะบูอิสฮาก อัลกุมมี  เดิมเป็นชาวกูฟะฮ์แล้วได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองกุม  ท่านกัชชีกล่าวว่า   เขาเป็นลูกศิษย์ของยูนุส บินอับดุลเราะห์มานซึ่งเป็นสาวกคนหนึ่งของอิม่ามริฎอ(อ)  
ดูริญาลนะญาชี อันดับที่ 18
อัลลามะฮ์ฮิลลี(648-726 ฮ.ศ.) กล่าวว่า : อิบรอฮีม บินฮาชิม อะบูอิสฮาก อัลกุมมี  เดิมเป็นชาวกูฟะฮ์แล้วได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองกุม  อัศฮาบของเราได้เล่าว่า   เขาเป็นบุคคลแรกที่ได้เผยแพร่หะดีษของชาวกูฟะฮ์(อิรัก)ที่เมืองกุม (อิหร่าน) และยังเล่าว่า  เขาได้พบกับอิม่ามริฎอ(อ)  และเขาเป็นลูกศิษย์ของยูนุส บินอับดุลเราะห์มานซึ่งเป็นสาวกคนหนึ่งของอิม่ามริฎอ(อ)   (อัลลามะฮิลลี)กล่าวว่า ฉันไม่เคยพบอัศฮาบของเราคนใดที่มีคำพูดตำหนิในตัวเขาหรือยกย่องเขาด้วยหลักฐาน  และมีรายงานหะดีษต่างๆที่มาจากเขามากมาย  และที่มีน้ำหนักมากที่สุดคือ  คำพูดของเขา(อิบรอฮีม)นั้นเป็นที่ถูกยอมรับ    ดูคุลาเศาตุลอักวาล  อันดับที่  9

5. มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน มรณะฮ.ศ.217   →
เขาคือของอิม่ามมูซากาซิมและอิม่ามอาลีริฎอ อิม่ามคนที่ 7 และ 8  (เขามีอีกชื่อหนึ่งคืออะหมัด บินมุฮัมมัด บินซิยาดอัลอะซะดี )  หรือที่เรารู้จักกันในนาม อิบนิอะบีอุเมรฺ  เขาคือฟะกีฮ์  ร็อบบานี มีฉายาว่า อะบูมุฮัมมัด เป็นชาวเมืองแบกแดด(อิรัก) เป็นบุคคลที่นักวิชาการมีมติตรงกันว่า อิบนิ อะบีอุเมรฺคือหนึ่งในหกจากบรรดาผู้ที่มีความน่าเชื่อถือในการรายงานหะดีษและได้รับการรับรองในเรื่องฟิกฮ์ของพวกเขา
ดูเมาซูอะฮ์ อัศฮาบุลฟุเกาะฮาอ์  อันดับที่  1115
เชคมุฮัมมัดบินอัลฮาซัน อัตตูซี่(385-460 ฮ.ศ.)กล่าวว่า : มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน  : ฉายาอะบูมุฮัมมัด คนรับใช้คนหนึ่งของเผ่าอะซัด ชื่อของอะบีอุมัยรินคือซิยาด  และเขาเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือมากที่สุดในทัศนะของชีอะฮ์และซุนนี่  เขาอยู่ทันอิม่ามสามท่านคือ อิม่ามมูซากาซิม อิม่ามอาลีริฎอและอิม่ามมุฮัมมัดญาวาด(อ)  
ดูอัลฟะฮ์ร็อสต์ โดยอัตตูซี่  อันดับที่  607 และริญาลเชคตูซี  อันดับที่  5413
เชคอะหมัด บินอาลี อันนะญาชี ( 372-450 ฮ.ศ.) กล่าวว่า : มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยริน ซิยาดบินอีซา  ฉายาอะบูอะหมัด อัลอะซะดี เขาได้พบกับอิม่ามอะบุลฮาซันมูซา(อ)และยังได้ฟังหะดีษต่างๆจากท่าน อิม่ามมูซาเรียกชื่อเขาในบางครั้งว่าอะบูอะหมัด(บิดาของอะหมัด) และเขายังได้รายงานหะดีษจากอิม่ามริฎอ(อ)  เขาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิชั้นสูง มีฐานะภาพยิ่งใหญ่ในหมู่พวกเรา   ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่  887

6. ฆิยาษ บินอิบรอฮีม →
เขาคือสาวกของอิม่ามญะอ์ฟัรศอดิก อิม่ามคนที่ 6  มีชีวิตอยู่ในช่วงก่อนฮ.ศ. 183   เวลาโดยส่วนมากของฆิยาษคือติดตามอิม่ามศอดิก(อ)รับความรู้เรื่องหะดีษจากท่าน
ฆิยาษรายงานหะดีษจาก→อิม่ามอิมามศอดิกและอิม่ามมูซากาซิม
ผู้ที่รายงานหะดีษจากฆิยาษคือ→ มุฮัมมัด บินอะบีอุมัยรินและคนอื่นๆ
เชคนะญาชีกล่าวว่า : ฆิยาษ บินอิบรอฮีม อัตตะมีมี อัลอุซัยดี ชาวเมืองบัศเราะฮ์ อาศัยอยู่ที่เมืองกูฟะฮ์  เชื่อถือได้  เขารายงานหะดีษจากอิม่ามอิมามศอดิกและอิม่ามมูซากาซิม ดูริญาลนะญาชี  อันดับที่  833
‏   อัลลามะฮ์ฮิลลี(648-726 ฮ.ศ.) กล่าวว่า : ฆิยาษ บินอิบรอฮีม อัตตะมีมี อัลอุซัยดี ชาวเมืองบัศเราะฮ์อาศัยอยู่ที่เมืองกูฟะฮ์ เชื่อถือได้ เขารายงานหะดีษจากอิม่ามอิมามศอดิก  ดูคุลาตุลอักวาล  หน้า 246  อันดับที่  1 ฟัศล์ที่  7 อักษร เฆน

7. อิม่ามญะอ์ฟัร(อัศศอดิก) บินมุฮัมมัด →
อิม่ามคนที่ 6 แห่งมัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์(อ)เกิดที่นครมะดีนะฮ์ ฮ.ศ.83 – 148
อิบนุฮิบบานกล่าวว่า : ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด  ฉายาอะบูอับดุลลอฮ์  รายงานหะดีษจากบิดาของเขา  เป็นผู้มีความรอบรู้และทรงคุณวุฒิคนหนึ่งจากบรรดาสัยยิดแห่งอะฮ์ลุลบัยต์
ดูอัษษิกอต โดยอิบนิฮิบบาน  อันดับที่ 226
อิบนุหะญัรกล่าวว่า   :  ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด  รู้จักกันในนามอัศศอดิก(ผู้มีวาจาสัตย์)  เชื่อถือได้  เป็นผู้รู้  เป็นอิม่าม  
ดูตักรีบุตตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 950
    ท่านอิสฮ๊าก บินรอฮะวัยฮฺกล่าวว่า   :  ฉันกล่าวกับอิม่ามชาฟิอีว่า ท่านญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัดเป็นอย่างไรในทัศนะของท่าน  เขาตอบว่า  เชื่อถือได้   และท่านยะห์ยา บินมะอีนกล่าวว่า  ท่านญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด  เชื่อถือได้
ท่านอับดุลเราะห์มานกล่าวว่า  ฉันได้ยินบิดาของฉันกล่าวว่า  ท่านญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด เชื่อถือได้ไม่ต้องถามถึงว่าจะมีผู้เหมือนเยี่ยงเขา    
ดูอัลญัรฮุ วัตตะอ์ดีล โดยอิบนิอะบีฮาติม  อันดับที่ 1987

8.อิม่ามมุฮัมมัด(อัลบาเก็ร) บินอาลี
อิม่ามคนที่ 5 แห่งมัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์(อ)เกิดที่มะดีนะฮ์ ฮ.ศ.57 – 95
อิบนุอะบีฮาติมกล่าวว่า   :  มุฮัมมัด บินอาลี  อะบูญะอ์ฟัร  รายงานจากท่านญาบิร บินอับดุลลอฮ์และบิดาของเขาคืออาลี บินฮูเซน  ผู้ที่รายงานจากเขาคือบุตรของเขาชื่อ ญะอ์ฟัร บินมุฮัมมัด
ดูอัลญัรฮุ วัตตะอ์ดีล  อันดับที่ 117
      อัลอิจญ์ลีกล่าวว่า   :  มุฮัมมัด บินอาลี  เป็นตาบิอี  เชื่อถือได้     ดูอัษษิกอต โดยอัลอิจญ์ลี  อันดับที่ 1630
อิบนุหะญัรกล่าวว่า   : มุฮัมมัด บินอาลี  อะบูญะอ์ฟัร อัลบาเก็ร   เชื่อถือได้   ดูตักรีบุตตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 6151    
อัซซะฮะบีกล่าวว่า   : อะบูญะอ์ฟัร  มุฮัมมัด บินอาลี  บุตรชายท่านซัยนุลอาบิดีน  นักท่องจำหะดีษมีมติว่าให้ยึดหะดีษของท่านอะบีญะอ์ฟัรเป็นหลักฐานได้     ดูสิยัร อะอ์ลามุนนุบะลาอ์  อันดับที่ 158

9.อิม่ามอาลี(ซัยนุลอาบิดีน) บุตรอิม่ามฮูเซน
อิม่ามคนที่ 4 แห่งมัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์(อ)เกิดที่นครมะดีนะฮ์ ฮ.ศ.38 – 114
อัลอิจญ์ลีกล่าวว่า  : อาลี บินฮูเซน เป็นตาบิอี  เชื่อถือได้ และเป็นคนซอและห์  ดูอัษษิกอต โดยอิจญ์ลี  อันดับที่  1293  
อิบนุหะญัรกล่าวว่า   : อาลี บินฮูเซน  ซัยนุลอาบิดีน  เชื่อถือได้  มีความมั่นคง  อาบิ๊ด  ฟะกีฮ์  ฟาดิ้ล มัชฮู้ร  ดูตักรีบุตตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 4715
อัซซะฮะบีกล่าวว่า   : อาลี บินฮูเซน  คือสัยยิด  เป็นอิม่ามผู้นำ    ดูสิยัร อะอ์ลามุนนุบะลาอ์  อันดับที่ 157

10.อิม่ามฮูเซน บุตรอิม่ามอาลี
อิม่ามคนที่ 3 แห่งมัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์(อ)เกิดที่นครมะดีนะฮ์ ฮ.ศ.4 – 61
อิบนุหะญัรกล่าวว่า   : ท่านฮูเซน บินอาลีบินอะบีตอลิบ หลานชายของท่านรอซูล(ศ)  หนึ่งจากบรรดาซาบิกีนเอาวะลีน   ปราชญ์กลุ่มหนึ่งให้น้ำหนักว่า  เขาคือชายคนแรกที่เข้ารับอิสลาม
ดูตักรีบุตตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 1334      ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า  
الحَسَـنُ ‏ ‏وَالْحُسَـيْنُ ‏ ‏سَـيِّدَا شَـبَابِ أهْلِ الْجَـنَّة
ฮาซันและฮูเซนคือหัวหน้าชายหนุ่มแห่งชาวสวรรค์  ดูซอฮิ๊ฮ์ติรมิซี  หะดีษที่  2965

11.อิม่ามอาลี บุตรอะบีตอลิบ→ ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)
อิม่ามคนที่ 1 แห่งมัซฮับอะฮ์ลุลบัยต์(อ)  เกิดที่กะอ์บะฮ์ นครมักกะฮ์  ก่อนฮิจเราะฮ์ศักราชประมาณ 23  ปี และมรณะฮ.ศ. 41
อิบนุหะญัรกล่าวว่า : ท่านอาลี บินอะบีตอลิบ บุตรของลุงของท่านรอซูล(ศ) คือสามีบุตรีของท่านรอซูลฯ  เป็นหนึ่งจากบรรดาซาบิกูนอัลเอาวะลูน(ผู้เข้ารับอิสลามรุ่นแรกสุด)   มีนักปราชญ์กลุ่มหนึ่งให้น้ำหนักว่า  เขาคือชายคนแรกที่เข้ารับอิสลาม  

ดูตักรีบุตตะฮ์ซีบ  อันดับที่ 4753
  •  

id_kids

ไม่ปฏิเสธครับสำหรับหลักฐานที่ท่านได้นำเสนอ
และผมก็ขอยืนยันว่ามันมีอยู่จริง
โดยเฉพาะหลักฐานที่มาจากแหล่งอ้างอิงทีเป็นที่ยอมรับได้ตามหลักวิชาการอิสลาม
อย่างเช่น เศาะหีหฺมุสลิม และอื่นๆ

กระนั้นก็ตาม...ท่านน่าจะนำเสนอตัวบทหะดีษดังกล่าวให้สมบูรณ์ด้วยนะครับ
ว่ารายละเอียดที่สมบูรณ์ของตัวบทดังกล่าวนั้นมีรายละเอียดอย่างไร
พี่น้องทีเขามาอ่านจะได้มีความเข้าใจที่มากขึ้นว่าใครคืออะฮฺลุลบัยตฺที่แท้จริง
ที่เราสมควรที่จะยึดมั่นตามที่ตัวบทหะดีษได้กำชับไว้

ไม่เป็นไรครับ ผมจะขอเชื่อว่าท่านอาจจะไม่ได้ตั้งใจที่จะปกปิดหรือปิดบังหลักฐานแต่อย่างใด
อาจเป็นเพราะความไม่รู้หรือความผิดพลาดของท่านก็อาจเป็นไปได้
ซึ่งคุณลักษณะดังกล่าวย่อมเกิดขึ้นได้ในตัวของมนุษย์

ก็สำหรับตัวบทหะดีษที่สมบูรณ์นั้นได้มีรายงานจากท่านซัยดฺ อิบนุอัรฺกอม เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ได้กล่าวว่า

قَامَ رَسُولُ اللَّهِ - صلى الله عليه وسلم - يَخْطُبُنَا بِمَاءٍ يُدْعَى خُمٌّ بَيْنَ مَكَّةَ وَالْمَدِينَةِ ، فَحَمِدَ اللَّهَ وَأَثْنَى عَلَيْهِ ، وَوَعَظَ ، وَذَكَرَ ثُمَّ قَالَ : أَمَّا بَعْدُ ، أَلا أَيُّهَا النَّاسُ ، إِنَّمَا أَنَا بَشَرٌ يُوشِكُ أَنْ يَأْتِيَنِي رَسُولُ رَبِّي فَأُجِيبَهُ ، وَإِنِّي تَارِكٌ فِيكُمُ الثَّقَلَيْنِ ، أَحَدُهُمَا : كِتَابُ اللَّهِ ، فِيهِ الْهُدَى وَالنُّورُ ، فَتَمَسِّكُوا بِكِتَابِ اللَّهِ وَخُذُوا بِهِ ، فَرَغَّبَ فِي كِتَابِ اللَّهِ وَحَثَّ عَلَيْهِ ، ثُمَّ قَالَ : وَأَهْلُ بَيْتِي أُذَكِّرُكُمُ اللَّهَ فِي أَهْلِ بَيْتِي ثَلاثَ مَرَّاتٍ فَقَالَ لَهُ زَيْدٌ وَحُصَيْنٌ : مَنْ أَهْلُ بَيْتِهِ ؟ أَلَيْسَ نِسَاؤُهُ مِنْ أَهْلِ بَيْتِهِ ؟ قَالَ : بَلَى إِنَّ نِسَاءَهُ مِنْ أَهْلِ بَيْتِهِ ، وَلَكِنَّ أَهْلَ بَيْتِهِ مَنْ حُرِمَ الصَّدَقَةَ قَالَ : وَمَنْ هُمْ ؟ قَالَ : آلُ عَلِيٍّ وَآلُ الْعَبَّاسِ ، قَالَ : كُلُّ هَؤُلاءِ حُرِمَ الصَّدَقَةَ ، قَالَ : نَعَمْ

ความว่า "ภายหลังจากนั้น(ท่านซัยดฺ อิบนุอัรฺกอม)ได้กล่าวว่า มีวันหนึ่งท่าน เราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ยืนขึ้นอ่านคุฏบะฮฺในหมู่พวกเราที่แอ่งน้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกกันว่า "คุม\\\" อันเป็นชื่อสถานที่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ระหว่างนครมักกะฮฺกับนครมะดีนะฮฺ (เรียกว่า เฆาะดีรฺ คุม) ดังนั้น ท่านก็กล่าวคำสรรเสริญอัลลอฮฺและชมเชยต่อพระองค์ สั่งสอนและตักเตือน แล้วกล่าวว่า \\\"ต่อไปนี้โปรดเข้าใจเถิดว่า โอ้ท่านทั้งหลาย! ฉันนี้ไม่มีอื่นใดนอกจากเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งทูตของพระเจ้าของฉันใกล้จะมาหา แล้วฉันจะตอบว่า ฉันได้ละทิ้งไว้ในหมู่พวกท่านสิ่งหนักสองอย่าง หนึ่งในสองคือ กิตาบุลลอฮฺ ในนั้นมีทางนำและแสงสว่าง ดังนั้นท่านทั้งหลายจงรับเอาคัมภีร์ของอัลลอฮฺ\\\" และท่านได้กระตุ้นให้ยึดมั่นในสิ่งที่มีอยู่ในกิตาบุลลอฮฺ แล้วท่านก็กล่าวอีกว่า \\\"และจงเอาใจใส่ต่ออะฮฺลุลบัยตฺของฉัน ฉันขอเตือนพวกท่านให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺในเรื่องอะฮฺลุลบัยตฺของฉัน ฉันขอเตือนพวกท่านทั้งหลายให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺในเรื่องอะฮฺลุลบัยตฺของฉัน และฉันขอเตือนพวกท่านทั้งหลายให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺในเรื่องอะฮฺลุลบัยตฺของฉัน"

ซึ่งตัวบทที่ท่านไม่ได้นำเสนอไว้นั้น ทั้งๆที่เป็นหะดีษตัวบทเดียวกันนั้นคือ

"แล้วท่านหุศ็อยนฺได้กล่าวแก่ท่านซัยดฺว่า "ใครคืออะฮฺลุลบัยตฺของท่านนบี ปวงภรรยาของท่านมิใช่ส่วนหนึ่งจากอะฮฺลุลบัยตฺของท่านดอกหรือ" ท่านซัยดฺตอบว่า "ใช่ ปวงภรรยาของท่านเป็นส่วนหนึ่งในอะฮฺลุลบัยตฺของท่าน แต่อะฮฺลุลบัยตฺของท่าน(ยังมีอีก) คือผู้ที่ถูกห้ามกินซะกาตหลังจากท่าน(นบีจากไป)" เขาถามต่อไปว่า "เขาเหล่านั้นคือใคร" ท่านซัยดฺตอบว่า \\\"พวกเขาคือวงศ์วานของท่านอลี วงศ์วานของท่านอะกีล วงศ์วานของท่านญะอฺฟัรฺ    วงศ์วานของท่านอับบาส" และเขาถามต่อไปว่า "พวกเขาเหล่านี้คือผู้ที่ถูกห้ามกินซะกาตหรือ" ท่านตอบว่า "ใช่แล้ว"  

((มุสลิม, เศาะหีหฺ, หมวดฟะฎออิลิศเศาะหาบะฮฺ, บรรพฟะฎออิลิ อลี อิบนุอบีฏอลิบ, หมายเลขหะดีษ : 6378))

ขอต่ออัลลอฮฺทรงประทานทางนำแก่ข้าพเจ้าและท่านเจ้าของเว็บ รวมทั้งพี่น้องทุกท่าน
อามีน ยาร็อบบัลอาละมีน
  •  

itroh

ญะซากัลลอฮฺ คอยรอน มากๆครับท่าน
ที่อธิบายขยายความเพิ่มเติมว่า
มีใครบ้างที่เป็นวงค์วานของท่านนบี(อะฮฺลุลบัยตฺ)

ก็เท่าที่สรุปได้คือมี
- บรรดาภรรยาของท่านนบีทุกท่าน
- วงค์วานของท่านอลี
- วงค์วานของท่านอะกีล
- วงค์วานของท่านญะอฺฟัร
- วงค์วานของท่านอับบาส

เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม อัญจฺมะอีน
  •  

itroh

بسم الله الرحمن الرحيم

หนึ่งในหลักฐานที่ฝ่ายสนับสนุนการขึ้นดำรงตำแหน่งเคาะลีฟะฮ์ของท่านอลี รอฎิฯ ภายหลังการวะฟาตของท่านศาสดา"ฮะดีษษะกอลัยน์" หะดีษที่กล่าวถึงคำสั่งเสียด้วยเรื่องอิตเราะฮฺของท่านนบีศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ปรากฏในรายงานจากอบี สะอีด ระบุว่าท่านรอซูลุลลอฮฺศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ยืนยันว่า \\\"แท้จริงฉันได้ละทิ้งของหนักสองอย่างไว้ให้แก่พวกท่าน หนึ่งคือกิตาบุลลอฮฺ และสองอิตเราะตี (วงศาคณาญาติ) ของฉัน และทั้งสองนั้นยังคงรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จนกระทั่งทั้งสองไปถึงสระน้ำ ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงพิจารณาดูเถิดว่า พวกท่านจะให้ทั้งสองสืบแทนฉันในเรื่องนี้อย่างไร"

ผู้แต่งหนังสืออัล-อิลาลกล่าวว่า หะดีษนี้ไม่เศาะเฮียะฮฺ เพราะมีสายรายงานที่มาจากอะฏียะฮฺ , อิบนุอับดิล กุดดุส , อับดุลลอฮฺ บิน ดาฮิรฺ   สำหรับอะฏียะฮฺนั้น ท่านอิมามอะหฺมัด ท่านยะหฺยา และท่านอื่นๆ ต่างตัดสินว่า เขาเป็นคนเฏาะอีฟในเริ่องหะดีษ ส่วนอิบนุอับดิล กุดดุสนั้น ท่านยะหฺยากล่าวว่า เขาไม่มีอะไรที่เชื่อถือได้เลย ส่วนอับดุลลอฮฺ บิน ดาฮิรฺนั้น ท่านอิมามอะหฺมัดและท่านยะหฺยากล่าวว่า เขาเป็นผู้ที่เชื่อถืออะไรไม่ได้เลย ผู้คนไม่ยอมเขียนหะดีษที่มาจากเขาผู้นี้

ท่านอัล-อุก็อยลีย์ ได้รายงานไว้ในหนังสือ อัฎ-ฎุอะฟาอฺ และโดยแท้จริงท่านอิมามอะหฺมัด ท่านอัต-ติรฺมิซีย์ ท่านอบูยะอฺลา และท่านอิบนุ สะอฺดิน ได้รายงานเอาไว้จากหลายๆ สายทางว่า สำหรับอะฏียะฮฺผู้นี้ เขาเป็นคนเฎาะอีฟ ไม่อนุญาติให้เขียนหะดีษของเขา (จาก อัล-อิลาล อัล-มุตะนาฮิบะฮฺ เล่ม 1 หน้า 267 และ ตุหฺฟะตุล อะหฺวะซีย์ เล่ม 10 หน้า 286-290)

หะดีษที่กล่าวว่า \\\"และอิตเราะฮฺของฉัน และแท้จริงทั้งสองนั้นไม่แยกจากกันจนกระทั่งมาถึงแอ่งน้ำ\\\" หะดีษนี้รายงานโดยอัต-ติรฺมิซีย์ และโดยแท้จริงท่านอิมามอะหฺมัดได้ถูกถามเกี่ยวกับหะดีษบทนี้ ท่านตัดสินว่าเป็นหะดีษเฎาะอีฟ และมีนักวิชาการจำนวนมากตัดสินว่าหะดีษนี้เฎาะอีฟ และพวกเขากล่าวว่าไม่ถูกต้อง (จากมินฮาญุซซุนนะฮฺ เล่ม 4 หน้า 105)

หะดีษที่กล่าวว่า \\\"แท้จริงฉันได้ละทิ้งสองเคาะลีฟะฮ(ผู้สืบแทน)ไว้ในหมู่พวกท่านหลังจากฉัน (หนึ่งคือ)อัล-กุรฺอาน และ(สองคือ)อิตเราะฮฺของฉัน และทั้งสองนั้นจะไม่แยกจากกัน จนกระทั่งทั้งสองนั้นได้มาถึงสระน้ำ\\\" (จากอัซ-ซุนนะฮฺ ของอิบนิ อบี อาศิม) สายรายงาน(สะนัด)ของมันเฎาะอีฟ เพราะความจำเสื่อมของชะรีก และอัล-กอซิมเป็นอีกผู้หนึ่งที่อยู่ในสายรายงาน เขาเป็นผู้ที่ไม่มีใครรู้จักสภาพการเป็นอยู่ของเขา (จาก มัรฺวียาตุศ เศาะหาบะฮฺ หน้า 137)

และอีกหะดีษหนึ่งกล่าวว่า รายงานจากท่านซัยดฺ บิน อัรฺกอม กล่าวว่า มีวันหนึ่งท่านรอซูลุลลอฮฺศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ยืนขึ้นอ่านคุฏบะฮฺในหมู่พวกเราที่แอ่งน้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเรียกกันว่า "คุม\\\" อันเป็นชื่อสถานที่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ระหว่างนครมักกะฮฺกับนครมะดีนะฮฺ (เรียกว่า เฆาะดีรฺ คุม) ดังนั้น ท่านก็กล่าวคำสรรเสริญอัลลอฮฺและชมเชยต่อพระองค์ สั่งสอนและตักเตือน แล้วกล่าวว่า \\\"ต่อไปนี้โปรดเข้าใจเถิดว่า โอ้ท่านทั้งหลาย! ฉันนี้ไม่มีอื่นใดนอกจากเป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ซึ่งทูตของพระเจ้าของฉันใกล้จะมาหา แล้วฉันจะตอบว่า ฉันได้ละทิ้งไว้ในหมู่พวกท่านสิ่งหนักสองอย่าง หนึ่งในสองคือ กิตาบุลลอฮฺ ในนั้นมีทางนำและแสงสว่าง ดังนั้นท่านทั้งหลายจงรับเอาคัมภีร์ของอัลลอฮฺ\\\" และท่านได้กระตุ้นให้ยึดมั่นในสิ่งที่มีอยู่ในกิตาบุลลอฮฺ แล้วท่านก็กล่าวอีกว่า \\\"และจงเอาใจใส่ต่ออะหฺลุลบัยตฺของฉัน ฉันขอเตือนพวกท่านให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺในเรื่องอะหฺลุลบัยต์ของฉัน ฉันขอเตือนพวกท่านทั้งหลายให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺในเรื่องอะหฺลุลบัยต์ของฉัน และฉันขอเตือนพวกท่านทั้งหลายให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺในเรื่องอะหฺลุลบัยต์ของฉัน\\\" (ส่วนตัวบทที่ฝ่ายชีอะฮฺไม่ได้ยกมาอ้างและได้ตัดออกไปซึ่งอยู่ในฮาดีษตัวบทเดียวกัน) แล้วท่านหุซัยนฺได้กล่าวแก่ท่านซัยดฺว่า \\\"ใครคืออะหฺลุลบัยตฺของท่านนบี ปวงภรรยาของท่านมิใช่ส่วนหนึ่งจากอะหฺลุลบัยตฺของท่านดอกหรือ\\\" ท่านซัยดฺตอบว่า \\\"ใช่ ปวงภรรยาของท่านเป็นส่วนหนึ่งในอะหฺลุลบัยตฺของท่าน แต่อะหฺลุลบัยตฺของท่าน(ยังมีอีก) คือผู้ที่ถูกห้ามกินซะกาตหลังจากท่าน(นบีจากไป)" เขาถามต่อไปว่า \\\"เขาเหล่านั้นคือใคร\\\" ท่านซัยดฺตอบว่า \\\"พวกเขาคือวงศ์วานของท่านอะลี วงศ์วานของท่านอะกีล วงศ์วานของท่านญะอฺฟัรฺ วงศ์วานของท่านอับบาส\\\" และเขาถามต่อไปว่า \\\"พวกเขาเหล่านี้คือผู้ที่ถูกห้ามกินซะกาตหรือ\\\" ท่านตอบว่า \\\"ใช่แล้ว\\\" (จาก มุสลิม เล่ม 5 หน้า 180)
ขอให้พี่น้องสังเกตว่า หะดีษข้างต้นมิได้มีความหมายจำกัดเฉพาะวงศ์วานของท่านอะลีเท่านั้น แต่มันมีความหมายรวมกันระหว่างอะหฺลุลบัตย์ทั้งหมด เช่น เครือญาติของท่านอะลี เครือญาติของท่านญะอฺฟัรฺ เครือญาติของท่านอะกีล และเครือญาติของท่านอับบาส (จาก ริซาละฮฺ ฟิรฺ ร็อดดิ อะลัรฺ รอฟิเฎาะฮฺ หน้า 224-225)

ความมุ่งหมายของคำว่า \\\"อะหฺลุลบัยตฺ\\\" นั้นคือลูกหลานของตระกูลฮาชิม ท่านอิมาม อิบนุ ตัยมียะฮฺกล่าวว่า ท่านอัล-กอฎีย์ได้กล่าวไว้ในหนังสือ \\\"อัล-มุอฺตะมัด\\\" ว่า อัล-อิตเราะฮฺนั้นคือลูกหลานของบนีฮาชิมทั้งหมด ลูกของท่านอับบาส ลูกของท่านอะลี ลูกของท่านอัล-ฮาริส บิน อับดิล มุฏเฏาะลิบ และลูกหลานของอบีฏอลิบทั้งหมด และอื่นๆ นอกจากพวกเขา และเป็นที่รู้กันว่า ส่วนมากจากกลุ่มอะหฺลุลบัยตฺและอัล-อิตเราะฮฺนั้น พวกเขายกตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺให้แก่ท่านอบูบักรและท่านอุมัรก่อนพวกเขา ท่านอิบนุ อับบาสและผู้อยู่หลังจากท่านจากกลุ่มอิมามต่างๆ และพวกอัตตาบิอีน เช่น กลุ่มสหายของมาลิก อัช-ชาฟิอีย์และอะหฺมัด แม้กระทั่งตัวของท่านอะลีเองก็ยังยกตำแหน่งเคาะลีฟะฮฺให้แก่ท่านทั้งสองให้นำหน้าตัวท่านเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ ดังนั้นในหะดีษนี้ย่อมไม่ได้มีความหมายจำกัดเฉพาะท่านอะลีเพียงผู้เดียวแต่อย่างใด ส่วนการที่มีคนอ้างหะดีษนี้เป็นหลักฐาน ย่อมชี้ให้เห็นถึงความไม่เข้าใจของพวกเขา (จาก ริซาละฮฺ ฟิรฺ ร็อดดิ อะลัรฺ รอฟิเฎาะฮฺ หน้า 225)

พี่น้องย่อมเห็นได้ชัดแล้วว่า หะดีษต่างๆ ดังได้กล่าวมาแล้วนั้น ไม่ได้เป็นหลักฐานที่บ่งถึงการเป็นเคาะลีฟะฮฺที่จำกัดเฉพาะลูกหลานของท่านอะลีแต่เพียงพวกเดียวเลย หรือถูกให้สัมปทานเฉพาะอิมาม 12 ท่านเท่านั้น และทั้งเป็นหะดีษที่ไม่เศาะเฮี๊ยะฮฺ ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
  •  

itroh

ต่อไปนี้พี่น้องโปรดดูหะดีษที่เศาะเฮี๊ยะฮฺของจริงของแท้ ที่เป็นคำสั่งเสียจริงๆ ของท่านรอซูลุลลอฮฺ

ท่านรอซูลุลลอฮฺศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า \\\"ฉันได้ละทิ้งไว้ให้แก่พวกท่าน(สอง)สิ่งซึ่งหากพวกท่านยึดมั่นด้วยสิ่งทั้งสองนั้น พวกท่านจะไม่หลงผิด คือกิตาบุลลอฮฺและสุนนะฮฺของฉัน\\\" (นำเสนอโดยอิมามมาลิก อัต-ติรฺมิซีย์ และอิมามอะหฺมัด) (จาก อัลบัยยินาต หน้า 9)

ท่านรอซูลุลลอฮฺศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า \\\"แท้จริงฉันได้ทิ้งไว้ให้แก่พวกท่าน(สอง)สิ่งซึ่งหากพวกท่านยึดถือทั้งสองนั้นให้แข็งแรง ดังนั้นพวกท่านจะไม่หลงผิดตลอดกาล คือกิตาบุลลอฮฺและสุนนะฮฺของนบีของพระองค์\\\" รายงานโดยท่านอัล-ฮากิม และท่านกล่าวว่าสายรายงานถูกต้อง (จาก เศาะเฮี๊ยะฮฺ อัต-ตัรฺฆีบ วัตตัรฺฮีบ เล่ม 1 หน้า 21)

รายงานจากท่านอบู ฮูรอยเราะฮฺระบุว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า \\\"ฉันได้ละทิ้งสิ่งสองสิ่งไว้ให้แก่พวกท่าน ซึ่งหลังจากยึดมั่นทั้งสองสิ่งนั้น พวกท่านจะไม่หลงผิด (ได้แก่)กิตาบุลลอฮฺ และสุนนะฮฺของฉัน และสิ่งทั้งสองจะไม่แยกออกจากกัน จนสิ่งทั้งสองมาถึงสระน้ำ\\\" รายงานโดยอัต-ติรฺมิซีย์ และอิบนุ หัซมิน ในอัล-อิหฺกาม เล่ม 6 หน้า 82

ท่านรอซูลุลลอฮฺศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวไว้ว่า \\\"ฉันได้ทิ้งไว้ในหมู่พวกท่านสองอย่าง พวกท่านจะไม่หลงผิด หากพวกท่านยึดมั่นให้แข็งแรงด้วยทั้งสองสิ่งนั้น (ได้แก่)กิตาบุลลอฮฺ และสุนนะฮฺของรอซูลของพระองค์\\\" รายงานโดยท่านมาลิก และท่านอัล-บานีย์ รับรองว่าเป็นหะดีษเศาะเฮี๊ยะฮฺ ปรากฏในหนังสือเศาะเฮี๊ยะฮฺ อัล-ญาเมียฮฺ

นี่คือทางที่ท่านรอซูลุลลอฮฺศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม รับรองว่าไม่หลงผิด คืออัล-กุรอานและสุนนะฮฺของท่านรสูล ศ็อลฯ ไม่ใช่ทางอื่นใดทั้งสิ้น
   
หลักฐานที่ท่านนบีได้สั่งให้เราเจริญรอยตามบรรดาคอลีฟะฮฺผู้ทรงคุณธรรมทั้งสี่( ท่านอบูบักร อุมัร อุสมาน อาลี )

   - อัล-อิรบาฏ บินซารียะฮฺ รายงานว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้ให้ข้อตักเตือนแก่พวกเราในวันหนึ่งหลังจากละหมาดยามสาย(ละหมาดดุฮา) ด้วยข้อเตือนที่กินใจจนทำให้น้ำตาคลอและหัวใจสะท้าน มีชายคนหนึ่งได้กล่าวว่า นี่คือข้อเตือนอำลาฉะนั้น ได้โปรดสั่งเสียแก่พวกเราด้วยเถิดโอ้ท่านรอซูลุลลอฮฺ ท่านกล่าวว่า ฉันขอสั่งเสียพวกท่านให้ยำเกรงต่ออัลลอฮฺ พร้อมทั้งเชื่อฟังและภักดี แม้ว่าผู้ที่สั่งใช้พวกท่านจะเป็นบ่าวแห่งเอธิโอเปียก็ตาม เพราะผู้ใดในหมู่พวกท่านที่มีอยู่ต่อหลังจากนี้ เขาจะได้เห็นการขัดแย้งอย่างมากมาย และพวกท่านพึงระวังสิ่งใหม่ในศาสนา เพราะมันคือความหลงผิด ดังนั้น ผู้ใดในหมู่พวกท่านที่พบเหตุดังกล่าว ก็จำเป็นแก่เขาจะต้องยึดซุนนะฮฺของฉัน และซุนนะฮฺของบรรดาคอลีฟะฮฺที่ปราดเปรื่องและได้รับทางนำ พวกท่านจงยึดมันด้วยฟันกราม (สุนันอัตติรมีซีย์ เลขที่ 2600  )

   - ท่านฮุซัยฟะฮฺรายงานว่า ท่านรอซูลุลลอฮศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า พวกท่านทั้งหลายจงปฏิบัติตามบุคคลทั้งสองต่อจากฉัน คือ อบูบักรและอุมัร (สุนันอัตติรมีซีย์ เลขที่ 3595)

อัลลอฮฺเท่านั้นที่เป็นผู้ทรงรู้ดียิ่ง

โอ้อัลลอฮฺ...ขอโปรดประทานทางนำแก่เราและแก่ท่านทั้งหลายด้วยเถิด
อามีน ยาร็อบบัลอาละมีน
  •  

L-umar

  •  

48 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้