Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

มีนาคม 29, 2024, 12:41:21 ก่อนเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 2,519
  • หัวข้อทั้งหมด: 647
  • Online today: 64
  • Online ever: 75
  • (มีนาคม 28, 2024, 11:51:59 หลังเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 53
Total: 53

Q4 วาฮาB 6 วาฮาบีตะกียะฮ์กับโลกมุสลิมเรื่องอะไร ?

เริ่มโดย L-umar, มีนาคม 10, 2010, 06:59:31 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar

Q4 วาฮาB 6  วาฮาบีตะกียะฮ์กับโลกมุสลิมเรื่องอะไรเอ่ย ?


การตะกียะฮ์ของวาฮาบีอันแปลกประหลาดที่สุดในโลกคือ พวกเขาจะกิตมาน(อำพราง)ความเชื่อบางอย่างในเรื่องพระเจ้าของพวกเขาไว้ เพราะเกรงว่ามุสลิมทั่วไปจะรับไม่ได้

ชาววาฮาบีชอบตำหนิติเตียนชาวชีอะฮ์ว่า  เป็นพวกที่ตะกียะฮ์(คืออำพรางเพื่อปกป้องตัวเองให้พ้นจากอันตราย) ทั้งๆการตะกียะฮ์นั้นคือแบบอย่างของมนุษย์ตามธรรมชาติ  

อีกทั้งอัลลอฮ์ตะอาลาได้ทรงบัญญัติเป็นฮุก่มไว้ในคัมภีร์กุรอ่านเพื่อปวงมุสลิมจะได้เอาไว้ใช้ปกป้องตนเองเมื่อต้องเผชิญหน้าหรือใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อธรรมหรือเมื่อหวาดกลัวภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน

แต่ชาววาฮาบีได้นำการตะกียะฮ์นี้ไปใช้กับตัวพวกเขาเองในชีวิตประจำวัน วาฮาบีได้นำการตะกียะฮ์มาใช้กับพี่น้องมุสลิมอย่างชนิดที่ว่าต่ำทรามที่สุดในชนิดของการตะกียะฮ์ก็ว่าได้

นั่นคือการที่วาฮาบีได้ทำการตะกียะฮ์ในเรื่องพระเจ้าของวาฮาบีที่เป็นมุญัสสะมะฮ์(มีร่างกาย)ที่พวกเขาเคารพสักการะเชื่อถือกัน

ชาววาฮาบีพยายามปกปิดเรื่องนี้ไว้มิให้มุสลิมทั่วไปรับรู้ว่า  พระเจ้าของวาฮาบีนั้น
เป็นหนุ่มรูปหล่อผมหยิกยักโศก มีจุดขาวบนหน้าผาก สวมรองเท้าทองคำ(ซึ่งหะดีษเหล่านี้วาฮาบีพยามฮุก่มว่าดออีฟ ดังจะได้อธิบายเรื่องนี้ในตอนท้ายต่อไป )

شاب أجعد الشعر له غرة، يلبس نعلين من ذهب

อัซซะฮะบี  อิม่ามแห่งอะฮ์ลุสซุนนะฮ์ได้กล่าวว่า
 
ส่วนรายงานหะดีษของนางอุมมุตตุเฟลและนักรายงานคนอื่นๆก็ได้รายงานมันเอาไว้  หะดีษที่ว่านั้นคือ

عن أم الطفيل امرأة أبي بن كعب : سمعتُ رُسُولُ الله صلى الله عليه وسلم يَذْكُرُ أَنَّهُ رَأَى رَبَّهُ فِي صُوْرَةِ كَذاَ.

จากอุมมุตตุเฟล ภรรยาของอุบัยบินกะอับเล่าว่า  ฉันได้ยินท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)เล่าให้ฟังว่า  ท่านได้เห็นพระเจ้าของท่านในรูปร่างเช่นนั้นเช่นนี้...


อ้างอิงจากหนังสือ  สิยัรอะอ์ลามุนนุบะลาอ์  เล่ม 10 : 602
 
หลังจากวาฮาบีได้มอบสถานะหะดีษบทนี้ว่าเป็นหะดีษซอฮิ๊ฮ์แล้ว วาฮาบีก็ออกมาปฏิเสธว่า  การเห็นพระเจ้าในที่นี่มิใช่เป็นการฝันเห็น แต่เป็นการเห็นด้วยสองดวงตาของท่านนะบี(ศ)จริงๆ    

จากนั้นวาฮาบีได้ยกหะดีษมากำกับว่า

وَقَالَ عَلِىٌّ حَدِّثُوا النَّاسَ بِمَا يَعْرِفُونَ   وَدَعُوا مَا يُنْكِرُونَ

ท่านอาลีกล่าวว่า  พวกท่านจงเล่า(หะดีษ)ให้ผู้คนรับฟังต่อสิ่งที่พวกเขาเข้าใจ  และจงละทิ้งสิ่งที่พวกเขาปฏิเสธ(ไม่ยอมรับ)  
 
ดูซอฮิ๊ฮ์บุคอรี  หะดีษที่ 127  และฟัตฮุลบารี โดยอิบนุหะญัร  หะดีษที่  124



เป็นการถูกต้องแล้วที่ท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์ได้กิตมาน(ปกปิด)หะดีษเอาไว้อีกมากมายที่มุสลิมไม่มีความจำเป็นต่อมันในดีนของเขา  ซึ่งท่านอะบูฮุร็อยเราะฮ์เคยกล่าวว่า

لو بثثتُه فيكم لقطع هذا البلعوم

หากฉันนำ(หะดีษ)ออกตีแพร่ในหมู่พวกท่าน คอหอยนี้คงต้องโดนเชือดแน่



เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในหัวข้อเรื่องการปกปิดความรู้(กิตมานนุลอิลมิ)ในสิ่งหนึ่ง
เพราะอิลมูที่เป็นวายิบนั้นจำเป็นจะต้องนำออกตีแผ่และเผยแพร่มัน และจำเป็นที่ประชาชาติจะต้องจดจำมันไว้ด้วย

และอิลมูที่อยู่ในเรื่อง ฟะฎออิลุลอะอ์มาล (คุณค่าของการทำอามั้ล) อันมีที่มาจากสายรายงานอันถูกต้อง มีการรายงานมันไว้อย่างเจาะจงและย้ำให้ทำการเผยแผ่มัน ก็เป็นการสมควรสำหรับประชาชาติที่ต้องนำมันออกรายงาน

ส่วนอิลมุล มุบ๊าห์(العلم المباح) นั้นไม่จำเป็นต้องเผยแพร่มันและไม่ควรนำมันเข้ามาสู่ประชาชนด้วย  ยกเว้นเฉพาะในหมู่นักวิชาการด้วยกันเท่านั้น

จุดประสงค์ของคำว่า " อิลมุล มุบ๊าห์ " คือ มะห์ซูร -   مَحْظُوْرٌ – ข้อห้าม    จากการเรียกชื่อสิ่งหนึ่งที่ตรงกันข้ามกับมัน  ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องปกปิดมันไว้ ยกเว้นเฉพาะในหมู่นักวิชาการเท่านั้น  มันคล้ายๆกับความรู้ที่ชาวยิวและชาวคริสต์ได้จำกัดมันเอาไว้กับพวกระดับหัวหน้าคือ พวกปุโรหิตยิวและบาทหลวงเท่านั้น

มุฮัมมัด บินอับดุลวาฮาบ ชัยคุลวาฮาบีได้เขียนไว้ในหนังสือเตาฮีดของเขาบทหนึ่งภายใต้หัวข้อ

 باَبُ مَنْ جَحَدَ شَيْئاً مِنَ الْأَسْماَءِ وَالصِّفاَتِ  كِتاَبُ التَّوْحِيْدِ الْإِماَمُ مُحَمَّدُ بْنُ عَبْدِالْوَهاَّبِ

บาบ  ผู้ใดปฏิเสธสิ่งหนึ่งจากบรรดาพระนามหรือซิฟัต  กิตาบ อัตเตาฮีด

การเขียนเรื่องนี้ไว้ก็เพื่อต้องการที่จะกล่าวว่า  

แท้จริงการอีหม่านต่อซิฟัตทั้งหมดของอัลลอฮ์ตะอาลา นั้นเป็นวายิบ และการปฏิเสธหนึ่งซิฟัตจากมันนั้นคือ  กุฟร์


เนื่องจากจำนวนซิฟัตส่วนหนึ่งของอัลลอฮ์ตะอาลาตามความเชื่อของลัทธิวาฮาบีนั้นจำเป็นต้องมีลักษณะเป็นญิสม์(คือต้องมีเรือนร่าง)

ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นต้องปกปิดอำพรางเรื่องนี้เอาไว้  ยกเว้นกับผู้ที่มีคุณสมบัติพอที่รับรู้ได้เท่านั้น

แถมชาวลัทธิวาฮาบีหรือสะละฟีอาทิ ท่านซะฮะบียังได้แอบอ้างไปยังหะดีษที่มาจากท่านอาลีอีกด้วยเพื่อพิสูจน์ว่า  อนุญาติให้ทำการกิตมาน(ปกปิดอำพราง)ความรู้ในศาสตร์นี้เอาไว้  ทั้งๆที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆเลยระหว่างเรื่องนี้กับหะดีษดังกล่าว


۩ คำถามสำหรับวาฮาบี

1- ทำไมชาววาฮาบีต้องตะกียะฮ์ในการที่จะประกาศให้มุสลิมทั่วไปรับรู้ว่า  พระเจ้าของวาฮาบีนั้น เป็นหนุ่มผมหยิก มีจุดสีขาวบนหน้าผาก สวมใส่รองเท้าทองคำ และคำบอกเล่าอื่นในทำนองนี้ด้วยเล่า ?

2- ทำไมอุละมาอ์วาฮาบีไม่ออกคำฟัตวามาให้บรรดาผู้นับถือลัทธิวาฮาบีด้วยล่ะว่า  ลัทธิวาฮาบีส่งเสริมให้สร้างรูปพระเจ้าของพวกเขาเพื่อเอาไว้สอนลูกหลานวาฮาบีให้รู้จักหน้าตาพระเจ้าองพวกเขา หรือเอาไปตั้งไว้ในบ้านเรือนหรือในรถ  พวกอาวามวาฮาบีจะได้นึกถึงพระเจ้าของเขามากขึ้นว่า หล่อแบบนี้ ?

3- มันจะแตกต่างกันตรงไหนหรือ  ระหว่างการที่วาฮาบีเคารพเชื่อถือต่อพระเจ้าที่เป็นหนุ่มผมหยิก  กับการที่พวกยิวและคริสต์เคาระกราบไหว้พระเจ้าของเขาที่เป็นคนหนุ่ม ?

4- พวกวาฮาบีมาแอบอ้างว่า  พวกเขาคืออะฮ์ลุลเตาฮีด และเป็นผู้ชูธงเตาฮีดได้อย่างไร ในเมื่อพวกเขาเคารพสักการะชายหนุ่มที่มีรูปร่างเช่นนะบีอาดัม มีผมหยิก

5- พวกวาฮาบีจะออกฟัตวา(ตัดสิน)ชาวมุสลิมทั้งหลายว่าเป็นพวกกุฟร์ และวาฮาบีจะใส่ร้ายมุสลิมอื่นๆว่า พวกเขาทำการตั้งภาคีต่ออัลลอฮ์ตะอาลาด้วยเหตุที่พวกเขาทำการตะวัสซุลต่อท่านนะบีมุฮัมมัด(ศ)ให้เป็นสื่อกลางไปยังอัลลอฮ์  ได้อย่างไร  ???   ในเมื่อพวกวาฮาบีเองยังเคารพศรัทธาต่อพระเจ้าที่มีรูปลักษณ์เป็นวัตถุสสาร แล้วก็กล่าวอ้างว่า พระเจ้าอย่างนี้แหล่ะคือผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย  

อัลลอฮ์ตรัสว่า  

سُبْحَانَهُ وَتَعَالَى عَمَّا يَصِفُونَ

อัลลอฮ์ ทรงบริสุทธิ์และทรงสูงส่งเกินกว่าที่พวกเขาจะกล่าวให้ลักษณะกัน    บทที่ 6 : 100




۞อธิบาย

ชาวลัทธิวาฮาบีได้พยายามประกาศว่า หะดีษเรื่องท่านนะบี(ศ)เห็นอัลลอฮ์ทั้งในยามตื่นหรือยามหลับนั้นเป็น หะดีษที่มีรายงานสับสนปั่นป่วน จนดออีฟ เช่น

عَنْ عُمَارَةَ بْنِ عَامِرٍ عَنْ أُمِّ الطُّفَيْلٍ امْرَأَةِ أُبَيِّ بْنِ كَعْبٍ قَالَتْ: سَمِعْتُ رَسُولَ اللهِ صلى الله عليه وسلم ، يَقُولُ : رَأَيْتُ رَبِّي فِي الْمَنَامِ فِي صُوْرَةِ شاَبٍّ موقر في خضر عليه نعلان من ذهب   المعجم الكبير للطبراني  ج 25 ص 143 ح 346
อิมาเราะฮ์ บินอามิร บินหัซมิน อัลอันศอรี  จากนางอุมมุตตุเฟล ภรรยาของอุบัยบินกะอับ นางเล่าว่า  ฉันได้ยินท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า   ฉันได้ฝันเห็นพระเจ้าของฉันในรูปร่างเป็นชายหนุ่มน่าเคารพอยู่ในชุดเขียว และพระองค์ทรงสวมรองเท้าทองคำ  
ดูมุอ์ญัมกะบีร   โดยต็อบรอนี  หะดีษที่ 346   สะนัดหะดีษนี้  ดออีฟ

แต่ในขณะเดียวกันเราพบหะดีษซุนนี่ที่ซอฮิ๊ฮ์ส่วนหนึ่งระบุว่า  ท่านนะบี(ศ)ได้เห็นอัลเลาะฮ์เช่น

عَنِ ابْنِ عَبَّاسٍ قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ (ص) : رَأَيْتُ رَبِّي تَبَارَكَ وَتَعَالَى
تعليق شعيب الأرنؤوط : صحيح موقوفا
ดูมุสนัดอะหมัด   หะดีษที่  2634  หะดีษซอฮิ๊ฮ์

عَنِ ابْنِ عَبَّاسٍ قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ  (ص) : أَتَانِى اللَّيْلَةَ رَبِّى تَبَارَكَ وَتَعَالَى فِى أَحْسَنِ صُورَةٍ قَالَ أَحْسَبُهُ قَالَ فِى الْمَنَامِ فَقَالَ يَا مُحَمَّدُ هَلْ تَدْرِى فِيمَ يَخْتَصِمُ الْمَلأُ الأَعْلَى قَالَ قُلْتُ لاَ. قَالَ فَوَضَعَ يَدَهُ بَيْنَ كَتِفَىَّ حَتَّى وَجَدْتُ بَرْدَهَا بَيْنَ ثَدْيَىَّ
อิบนุอับบาสเล่าว่า ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  พระเจ้าของฉัน (ตะบาร่อกะวะตะอาลา) ได้ทรงเสด็จมาหาฉันยามกลางคืนในรูปลักษณ์อันงดงามที่สุด  เขา(รอวี)เล่าว่า ฉันคิดว่ามันเป็นการเห็นในฝัน
เขากล่าวว่า  โอ้ท่านมุฮัมมัดรู้ไหมว่า ชาวสวรรค์เขาโต้เถียงกันด้วยเรื่องอะไร  ท่านรอซูลกล่าวว่า ไม่ทรราบครับ (ท่านรอซูล)เล่าว่า  แล้วพระองค์ทรงวางพระหัตถ์ของพระองค์ลงมาระหว่างหัวไหล่ทั้งสองของฉัน จนกระทั่งฉันพบความเย็นของมันระหว่างนมทั้งสองของฉัน
ดูซอฮิ๊ฮ์ติรมิซี   หะดีษที่  2580 ตรวจทานโดยเชคอัลบานี

วิจารณ์
1.   ฝันของบรรดานะบี คือวะห์ยู  ฉะนั้นท่านติรมิซีเล่าว่า ท่านนะบี(ศ)ได้ฝันเห็นอัลลอฮ์เสด็จมาท่านตอนกลางคืนในรูปร่างที่งดงามที่สุด  การไป/มา เป็นการเคลื่อนไหว และมันคือสิ่งถูกสร้าง ดังนั้นวาฮาบีจะอธิบายอย่างไรต่อการเคลื่อนไหวของอัลลอฮ์
2.   อัลลอฮ์ทรงวางมือของพระองค์บนหน้าออกของท่านนะบี(ศ)จนท่านรู้สึกได้ถึงความเย็น วาฮาบีจะอธิบายอย่างไรต่อการวางมือของอัลลอฮ์ตามหะดีษนี้ หรือจะขอร้องให้เอาไปเก็บไว้โดยไม่ต้องอธิบาย

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)เล่าว่า  
رأيتُ رَبِّيْ فِي صُوْرَةِ شاَبٍّ لَهُ وَفْرَةٌ
الطبرانى فى السنة عن ابن عباس ، ونقل عن أبى زُرعة الرازى أنه قال هو حديث صحيح
الكتاب : جامع الأحاديث  لجلال الدين السيوطي  ج 13 ص 74 ح 12593

ฉันได้เห็นพระเจ้าของฉันในรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่มมีผมดก
อัตต็อบรอนีบันทึกไว้ในอัสซุนนะฮ์อิบนุเศาะดะเกาะฮ์กล่าวว่า จากท่านอิบนุอับบาส และมีรายงานจากอะบีซุรอะฮ์ อัลรอซี เขาได้กล่าวว่า มันเป็น " หะดีษซอฮี๊ฮ์ "
ดูญามิอุลอะฮาดีษ  โดยสิยูตี  เล่ม 13 : 74  หะดีษที่  12593

วิจารณ์
1.   หากท่านกล่าวหะดีษนี้ ดออีฟ แต่นักปราชญ์ซุนนี่กล่าว หะดีษนี้ซอฮิ๊ฮ์ ดังนั้นถือว่ามีอุละมาอ์ซุนนี่บางคนเชื่อว่า อัลลอฮ์เป็นชายหนุ่มรูปงามผมดก
2.   ท่านจะปฏิเสธอย่างไรว่า อุละมาอ์ซุนนี่บางส่วนมีความเชื่อว่า พระเจ้าของพวกเขามีเรือนร่างเป็นชายหนุ่ม
  •  


53 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้