Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

มีนาคม 29, 2024, 08:34:40 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 2,524
  • หัวข้อทั้งหมด: 647
  • Online today: 104
  • Online ever: 104
  • (วันนี้ เวลา 02:09:38 หลังเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 81
Total: 81

หนังสืออัลกาฟี กับปัญหาหะดีษ 13 อิม่าม

เริ่มโดย L-umar, พฤษภาคม 12, 2010, 04:23:51 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar

ชุบฮะฮ์(ข้อสงสัย)ที่   5  เรื่องอิม่าม 12  



หนังสืออัลกาฟี กับปัญหาหะดีษ  13  อิม่าม



หลังจากที่เราได้ชี้แจงไปแล้วว่า ความเชื่อเรื่อง 12 อิม่ามผู้นำนั้นได้เกิดขึ้นก่อนศตวรรษที่สามแห่งฮิจเราะฮ์ศักราชด้วยหลักฐานหลักสองประการคือ

1 -  หนังสือชีอะฮ์ชื่อ  อัลอิมามะฮ์ วัตตับศิเราะฮ์   หน้า 2  ได้บันทึกหะดีษว่า

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ : الْأَئِمَّةُ مِنْ بَعْدِيْ إثْناَ عَشَرَ، أوَّلُهُمْ أنْتَ ياَ عَلِيُّ، وَآخِرُهُم الْقاَئِمُ الَّذِيْ يَفَتْحُ اللهُ عَلَى يَدَيْهِ مَشَارِقُ الْأَرْضِ وَمَغَارِبُهَا

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  : อิหม่ามผู้นำภายหลังจากฉันนั้นจะมี  12 คน  คนแรกคือเจ้าโอ้อาลี และคนสุดท้ายของพวกเขาคืออัลกออิม ซึ่งอัลลอฮ์จะประทานชัยชนะให้ไว้ในมือทั้งสองของเขา ทั้งโลกทางตะวักออกและตะวันตก
ดูต้นฉบับหนังสือนี้ได้ที่เวบ
http://www.al-shia.org/html/ara/books/lib-hadis/emama_&_tabsera/a1.html

เชคอาลี บินบาบะวัยฮ์ มรณะฮ.ศ. 329  คือผู้เรียบเรียงและเป็นผู้บันทึกหะดีษ 12 อิมามบทนี้เอาไว้ในหนังสืออัลอิมามะฮ์ วัตตับศิเราะฮ์ของเขา
เชคอาลี บินบาบะวัยฮ์ คือบิดาของเชคศอดูก และเขาคือสาวกสนิทคนหนึ่งของอิม่ามฮาซันอัสการี่ ซึ่งอิม่ามท่านที่ 11 นี้ได้มรณะในปีฮ.ศ. 260  
ฉะนั้นหะดีษเรื่อง 12 อิม่ามที่ได้บันทึกอยู่ในหนังสือ " อัลอิมามะฮ์วัตตับศิเราะฮ์ " บทนี้ย่อมพิสูจน์ว่า ความเชื่อเรื่อง 12 อิม่ามมีบันทึกไว้ในตำราชีอะฮ์ก่อนศตวรรษที่สามแห่งฮิจเราะฮ์ศักราช


2 – หนังสือชีอะฮ์ชื่อ อัลยากูต บางคนเรียก ยากูตุลกะลาม

ผู้เรียบเรียงชื่อเชคอิบรอฮีม บินเนาบัคต์ ( มรณะ ฮ.ศ. 320 ) เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้กล่าวถึงเรื่อง 12 อิมามเอาไว้ในหนังสือของเขาเล่มนี้ ซึ่งเชคอิบรอฮีมบินเนาบัคต์ผู้นี้มีชีวิตอยู่ในสมัยเดียวกันกับท่านเนาบัคตีเจ้าของหนังสือฟิร็อกชีอะฮ์(กลุ่มต่างๆในชีอะฮ์)

สรุปว่าอะกีดะฮ์เรื่อง 12 อิม่ามจึงเป็นเรื่องที่รู้กันดีในหมู่ชีอะฮ์ก่อนศตวรรษที่สามแห่งฮิจเราะฮ์ศักราช

โปรดดูรายละเอียดได้ที่
http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=1822


۞ หลักฐานข้างต้นได้ลบล้างทำลายทฏษฏีผิดๆของพวกวาฮาบีและอะชาอิเราะฮ์ที่กล่าวว่า  ความเชื่อเรื่องสิบสองอิม่ามของชีอะฮ์พึ่งเกิดขึ้นหลังจากศตวรรษที่สามแห่งฮิจเราะฮ์


เมื่อพวกป่วยทางจิตโจมตีเรื่องกำเนิด 12 อิม่ามไม่สำเร็จ ก็หันมาโจมตีเรื่องอื่นต่อโดยกล่าวว่า  ในหมู่ชีอะฮ์มีความขัดแย้งกันขึ้นภายในเกี่ยวกับเรื่องจำนวนของอิม่าม   โดยพวกอคติได้อ้างว่า  

- ชีอะฮ์บางกลุ่มเชื่อว่า  อิม่ามผู้นำมีแค่  12  คน  

- และชีอะฮ์บางกลุ่มก็เชื่อว่า  อิม่ามผู้นำมี  13  คน
  •  

L-umar

คำชี้แจง  →



โปรดทราบว่า ในตำราชีอะฮ์มีหะดีษบางบท ซึ่งความหมายของมันสื่อให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจผิดคิดว่า   อิม่ามผู้นำนั้นมี 13 คน  ซึ่งหะดีษเหล่านั้นปรากฏอยู่ในตำราดังต่อไปนี้คือ

1.   กิตาบ สุลัยม์ บินกอยส์  หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า  สะลีมบินเกส

2.   อุซูลกาฟี  หรือ อัลกาฟี  โดยเชคกุลัยนี


( ขอชี้แจงปัญหาของหนังสืออัลกาฟีเป็นอันดับแรก และจะชี้แจงปัญหาของหนังสือสุลัยม์บินกอยส์ในบทความต่อไปเพื่อทำมห้ท่านเข้าใจอย่างชัดเจนทีละเรื่องๆ อินชาอัลลอฮ์ตะอาลา )

กลุ่มนักวิชาการได้ทำการตรวจสอบต้นฉบับของหนังสืออัลกาฟีอย่างถี่ถ้วน และได้รับคำตอบในเรื่องหะดีษเหล่านั้นว่า มันเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากผู้ทำการคัดลอกหนังสืออัลกาฟีในสมัยก่อน ซึ่งจะไปยึดถือตามนั้นไม่ได้เพราะ เนื่องจากไม่เคยมีชีอะฮ์คนใดกล่าวว่า อิม่ามผู้นำของพวกเขามี  13  คน  

ส่วนผู้ที่กล่าวถึงเรื่อง 13 อิม่ามนั้นเห็นจะมีเพียงคนเดียวที่กล่าวเช่นนั้นก็คือ

ฮิบะตุลลอฮ์  บินอะหมัด

เขาเป็นหลานชายของท่านมุฮัมมัด บินอุษมานอัลอุมรี นาอิบคอศคนหนึ่งของอิม่ามมะฮ์ดี (อ)  ที่ฮิบะตุลลอฮ์ได้สร้างรื่อง 13 อิม่ามเอาไว้ก็เพราะว่าเขาเป็นพวกชีอะฮ์ซัยดียะฮ์



ท่านนะญาชี(ปราชญ์ผู้เชียวชาญด้านริญาล)ได้วิจารณ์เอาไว้ว่า

هِبَةُ اللَّهِ بْنِ أَحْمَدَ بْنِ مُحَمَّدٍ الْكاَتِبُ

ฮิบะตุลเลาะฮ์ บินอะหมัด บินมุฮัมมัด อัลกาติบ
 
ฉายาอะบูนัศร์  รู้จักกันนาม  อิบนุบัรนียะฮ์  เล่ากันว่ามารดาของเขาชื่ออุมมุกุลษูม บุตรสาวของท่านอะบูญะอ์ฟัร มุฮัมมัด บินอุษมานอัลอุมรี  

เขาได้รับฟังหะดีษมาเยอะมากแล้วเขาเคยทำการถ่ายทอดคำพูดเหล่านั้น  เขาเคยไปเล่าเรียนอยู่กับท่านอะบุลฮูเซน บินชะบี๊ห์แห่งตระกูลอาละวี เป็นพวกซัยดียะฮ์

จากนั้นเขาได้จัดทำหนังสือขึ้นเล่มหนึ่งสำหรับตัวเขาเอง โดยกล่าวว่า  อิม่ามผู้นำนั้นมี 13 คน คือเขาได้นับท่านเซด บินอาลีบินฮูเซนรวมเข้าไปด้วย

ดูริญาล นะญาชี อันดับที่  1185
  •  

L-umar


ข้อมูลสังเขปเกี่ยวกับหนังสืออัลกาฟีของท่านเชคกุลัยนี



อัลกาฟีคือหนังสือรวบรวมหะดีษ ที่บันทึกมาจากวจนะของบรรดาอิมามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์  เรียกกันว่า

ริซาละฮ์หะดีษ  หรือที่รู้จักกันในนาม

อัลอุซูล อัลอัรบะอะมิอะฮ์  ( الأصول الأربعمائة )
     เป็นการบันทึกจากบรรดาสาวกและสานุศิษย์ของบรรดาอิมาม (อ) ที่บันทึกไว้ในสมัยของอิมามแต่ละท่าน ที่ตกทอดกันมา


เชคกุลัยนีได้ทุ่มเทความพยายามในการนำ ริซาละฮ์หะดีษ หรือ อัศลุ ของบรรดาสาวกและสานุศิษย์ของบรรดาอิมามมารวบรวมไว้  เขาได้เดินทางไปยังบ้านเมืองต่าง ๆ มากมายเพื่อสืบเสาะแสวงหาริซาละฮ์เหล่านั้นเพื่อนำมารวมกัน จนเกิดเป็นหนังสืออัลกาฟีขึ้นมา


หะดีษต่าง ๆในหนังสืออัลกาฟีนี้มีสะนัด(สายรายงาน)อ้างอิงไปถึงบรรดาอิมาม (อ) และเชคกุลัยนีได้พยายามบอกรายละเอียดของผู้รายงานในแต่ละหะดีษไว้ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับชนรุ่นหลังในการตรวจสองถึงความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของสายรายงาน เชคกุลัยนีได้ใช้เวลาในการรวบรวมเรียบเรียงอัลกาฟีนี้ถึง 20 ปี ซึ่งมี 34 กิตาบ(บท)และ 326 บาบ(หมวด) รวมหะดีษทั้งสิ้น 16,121  บท

อยาตุลเลาะฮ์ ญะอ์ฟัร ซุบฮานี ได้ตรวจสอบระดับสะนัดหะดีษในอัลกาฟีและแยกแยะไว้ดังนี้ :

มีหะดีษซอฮิ๊ฮ์ (الصحيح ถูกต้อง)  5,072 บท

มีหะดีษฮาซัน (الحسن ดี)   144 บท

มีหะดีษมุวัษษัก (الموثق เชื่อได้)  1,118 บท

มีหะดีษเกาะวี (القوي แข็ง)  302  บท

มีหะดีษดออีฟ (الضعيف อ่อนแอ)   9,485  บท


ซึ่งการตรวจทานสถานะหะดีษเหล่านี้ นักวิชาการได้อาศัยตำราริญาลชีอะฮ์เป็นหลักฐานในการวิจารณ์สายรายงานนั่นเอง
  •  

L-umar

ดูการโจมตีเรื่องหนังสืออัลกาฟีแบบโง่ๆได้ที่เวบแอนตี้อัลเลาะฮ์

http://www.antirafidah.com/board/viewtopic.php?f=40&p=246





คำตอบ

สำหรับหะดีษในบทนำของหนังสืออัลกาฟี ที่บันทึกว่า   ท่านอิม่ามมะฮ์ดี(อ)ได้กล่าวว่า

أنَّهُ  كاَفِيٌّ لِشِيْعَتِناَ

แท้จริงมัน(หนังสืออัลกาฟี) เพียงพอแล้วสำหรับชีอะฮ์ของพวกเรา





หนึ่ง -  

เราเจอหะดีษทำนองนี้เพียงบทเดียวและอยู่ในหนังสืออัลกาฟีนี้เท่านั้น โดยหะดีษนี้ไม่ปรากฏในตำราชีอะฮ์เล่มใดอีกเลย


สอง -  

หะดีษบทนี้  ไม่มีสะนัด  (สายรายงาน) ให้ตรวจสอบว่า มีใครบ้างที่รายงานหะดีษบทนี้สืบไปจนถึงสาวกของอิม่ามมะฮืดี(อ)  

เมื่อหะดีษขาดสะนัด ตามหลักวิชามุศต่อละฮุลหะดีษย่อมถือว่า ไม่ซอฮิ๊ฮ์  จะยึดเอามาเป็นหลักฐานอ้างอิงไม่ได้


สาม–

หากหนังสืออัลกาฟี  มันเป็นหนังสือที่ให้ความเพียงพอทางด้านความรู้สำหรับชีอะฮ์จริงๆตามที่ท่านอิม่ามมะฮ์ดี(อ)ได้กล่าวไว้จริง    


คำถามสำหรับวาฮาบีคือ  ทำไม อุละมาอ์ชีอะฮ์รุ่นถัดมาต่อจากเชคกุลัยนี  เช่น  

เชคศอดูก

เชคมุฟีด

เชคตูซี่


จึงผลิตตำราหะดีษขึ้นมาอีกมากมายเช่น  

มันลา ยะห์ฎุรุฮุลฟะกีฮ์ ของเชคศอดูก

อัลอิสติบศ็อร  

อัตตะฮ์ซีบของเชคตูซี่


จะเห็นได้ว่าหนังสือสามเล่มนี้ได้คลอดออกมาหลังจากหนังสืออัลกาฟี

ยิ่งกว่านั้นยังมีหนังสือที่รวบรวมหะดีษเกี่ยวกับหลักศรัทธาเอาไว้โดยเฉพาะอีกเช่น



อัตเตาฮีด

อัลคิศ็อล  

อุยูนุ อัคบาริลริฎอ (อ)

กะมาลุดดีน

อัลฆ็อยบะฮ์

กิฟายะตุลอะษัร  เป็นต้น

ซึ่งนั่นย่อมเป็นหลักฐานบ่งบอกว่า   อัลกาฟีไม่ใช่ตำราเพียงเล่มเดียวที่รวบรวมวจนะของบรรดาอิม่ามเอาไว้ทั้งหมด  

เหมือนที่อุละมาอ์ซุนนี่กล่าวเสมอว่า  ซอฮิ๊ฮ์บุคอรีและซอฮิ๊ฮ์มุสลิมไม่ได้รวบรวมหะดีษซอฮี๊ฮ์ทุกเรื่องเอาไว้ทั้งหมด แต่หะดีษซอฮี๊ฮ์ยังมีกระจัดกระจายอยู่ในตำราหะดีษเล่มอื่นๆอีกมากมายเพียยงแต่ต้องนำมาตรวจสอบก่อนเท่านั้น


สี่ –

กรณีคุณชัรฟุดดีน อามิลี เจ้าของบทความโจมตีหนังสืออัลกาฟีได้กล่าวว่า  เนื่องจากอัลกุลัยนี เจ้าของหนังสืออัลกาฟี   ได้รับสมญานามว่า

ثِـقَةُ الْإسْـلاَمِ

<< ษิเกาะตุล อิสลาม >>  แปลว่า <<  ผู้ได้รับการเชื่อถือ >>
   
คุณชัรฟุดดีนอามิลี จึงถามคำถามแบบโง่เขลาว่า
เชคญะอ์ฟัร ซุบฮานี(นักวิชาการชีอะฮ์ที่เชี่ยวชาญด้านหะดีษคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน)เป็นใคร  มีสิทธิอะไรมาวิจารณ์หะดีษในอัลกาฟีว่า " ดออีฟ "   ในเมื่อเชคกุลัยนีมีสมญานามว่า  ผู้ได้รับการเชื่อถือ ?

เพื่อความกระจ่าง เราขอยกตัวอย่างแบบเดียวกันกับคุณชัรฟุดดีน มาถามพวกเขาบ้างว่า

อุละมาอ์ซุนนี่ผู้โด่งดังชื่อ ท่านอิหม่ามซะฮะบีได้วิจารณ์สถานะของนักรายงานหะดีษคนหนึ่งคือ

الطبراني  هو الامام، الحافظ، الثقة، محدث الاسلام،
سير أعلام النبلاء  ج 16  ص 119 رقم 86
ท่านอัตต็อบรอนี  เขาคืออิหม่าม  อัลฮาฟิซ(นักท่องจำ)  ษิเกาะฮ์คือเชื่อถือได้ในการรายงานหะดีษ   เป็นมุฮัดดิษแห่งอิสลาม
ดูสิยัร อะอ์ลามุนนุบะลาอ์  อันดับที่ 86

ยกตัวอย่างเช่น  ท่านอัตต็อบรอนีได้รายงานหะดีษบทหนึ่งจากบุคคลดังต่อไปนี้

حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ مُوسَى ، ثَنَا الْحَسَنُ بْنُ كَثِيرٍ ، ثَنَا سَلْمَى بِنْ عُقْبَةَ الْحَنَفِيُّ الْيَمَامِيُّ ، ثَنَا عِكْرِمَةُ بْنُ عَمَّارٍ ، عَنْ يَحْيَى بْنِ أَبِي كَثِيرٍ ، عَنْ أَبِي سَلَمَةَ ، عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ قَالَ: قَالَ عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ: يَا رَسُولَ اللَّهِ ، أَيُّمَا أَحَبُّ إِلَيْكَ: أنا أم فاطمة ؟ قال : « فاطمة أحب إلي منك ، وأنت أعز علي منها ،


ดูมุอ์ญัมเอาซัฏ โดยอัฏฏ็อบรอนี (260 – 360 ฮ.ศ.) เล่ม  7 : 343 หะดีษที่ 7675

ต่อมาเชคอัลบานีได้ตรวจสอบสะนัดหะดีษของท่านอัตต็อบรอนีรายงานบทนี้ แล้วอัลบานีกล่าวว่าเป็นหะดีษที่มี  สะนัดดออีฟ  ดูหนังสือซิลซิละตุต ดออีฟะฮ์  เล่ม  8 : 465  หะดีษที่  4000

คำถามสำหรับคุณชัรฟุดดีนคือ
 
เชคอัลบานี(นักวิชาการซุนนี่ที่เชี่ยวชาญด้านหะดีษคนหนึ่งในยุคปัจจุบัน)เป็นใคร  มีสิทธิอะไรมาวิจารณ์หะดีษของท่านต็อบรอนีว่า " ดออีฟ " เนื่องจากท่านซะฮะบีผู้เชี่ยวชาญด้านนักรายงานหะดีษได้ฟันธงไปแล้วว่า  ท่านต็อบรอนี  มีความเชื่อถือได้ในการรายงานหะดีษ ?


แต่น่าเสียดายที่การสนทนาทางวิชาการในเรื่องแบบนี้กับทางเวบมาสเตอร์ของเวบแอนตี้อัลเลาะฮ์ย่อมไร้ประโยชน์ในเชิงสร้างสรรค์เนื่องจากสมองของพวกเขามืดทึบเกินกว่าจะยอมรับเหตุผลของผู้อื่นได้  ด้วยเหตุนี้เราจึงคิดว่า ป่วยการที่จะเข้าไปชี้แจงให้พวกเขาเข้าใจ

และที่เราชี้แจงไปนี้ก็เพื่อให้ท่านผู้มีใจเป็นธรรม หรือท่านที่แสวงหาความจริงด้วยเหตุด้วยผลได้เข้าใจสาระเนื้อหาของมันเท่านั้น  วัลลอฮุ อะอ์ลัม
  •  

L-umar



Θ ความผิดจากการคัดลอกหะดีษในหนังสืออัลกาฟี



หะดีษที่  1 -
 
مُحَمَّدُ بْنُ يَحْيَى عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ أَحْمَدَ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ الْحُسَيْنِ عَنْ أَبِي سَعِيدٍ الْعُصْفُرِيِّ عَنْ عَمْرِو بْنِ ثَابِتٍ عَنْ أَبِي الْجَارُودِ  عَنْ أَبِي جَعْفَرٍ (ع) قَالَ
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ (ص) : إِنِّي وَ اثْنَيْ عَشَرَ مِنْ وُلْدِي وَ أَنْتَ يَا عَلِيُّ زِرُّ الْأَرْضِ

เชคกุลัยนีได้บันทึกสะนัดไว้ดังนี้

มุฮัมมัด บินยะห์ยา→มุฮัมมัด บินอะหมัด→มุฮัมมัด บินอัลฮูเซน→อะบีสะอีด อัลอุศฟูรี→อัมรู บินษาบิต→อะบิลญารูด  จาก→อิม่ามอะบีญะอ์ฟัร(อิม่ามมุฮัมมัดบาเก็ร อ.)เล่าว่า  

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า :  

[ แท้จริงฉันกับ 12 คนที่มาจากลูกหลานของฉัน ]  


และโอ้อาลีเอ๋ย  เจ้าคือเสาหลักของแผ่นดิน...  
 
อัลกาฟี  เล่ม 1 หน้า 534  หะดีษที่ 17   สถานะหะดีษ → ดออีฟ



หะดีษที่  2 -
 
عَنْ أَبِي سَعِيدٍ رَفَعَهُ عَنْ أَبِي جَعْفَرٍ (ع) قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ (ص) : مِنْ وُلْدِيَ اثْنَا عَشَرَ نَقِيباً نُجَبَاءُ مُحَدَّثُونَ مُفَهَّمُونَ آخِرُهُمُ الْقَائِمُ بِالْحَقِّ يَمْلَأُهَا عَدْلًا كَمَا مُلِئَتْ جَوْراً
อะบีสะอีด อัลอุศฟูรี ยกไปถึง→อิม่ามอะบีญะอ์ฟัร(อ)เล่าว่า  

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า :  

[ จากลูกของฉันจะมี 12  ผู้นำ ]  


พวกเขา(ทั้ง12) เป็นผู้มีเชื้อสายดี  เป็นผู้ที่ได้รับอิลฮาม  เป็นผู้ที่ได้รับความเข้าใจ  คนสุดท้ายของพวกเขาคือ ผู้ดำรงมั่นต่อสัจธรรม เขาจะทำให้โลกเปี่ยมไปด้วยความเที่ยงธรรม ดั่งที่มันเคยเต็มไปด้วยการกดขี่  

อัลกาฟี  เล่ม 1 หน้า 534  หะดีษที่ 18   สถานะหะดีษ → ดออีฟ




۩ วิจารณ์ สถานะนักรายงาน

อะบูสะอีด อัลอุศฟูรี ชื่อจริงคือ อับบ๊าด(บินยะกูบ) เขามีกิตาบของเขาเอง ตามที่ท่านเชคตูซี่กล่าวไว้ในหนังสืออัลฟะฮ์รอสต์  และท่านนะญาชีกล่าวไว้ในหนังสือริญาลของเขา
หนังสือของท่านอับบ๊าดที่ยังมีอยู่นั้นมีชื่อเรียกกันว่า อัศล์( أصل ) ตามที่ท่านเจ้าของหนังสืออัซซะรีอะฮ์กล่าวไว้ แล้วมันได้ถ่ายทอดมาถึงท่านเชคนูรี ซึ่งท่านได้กล่าวถึงหนังสืออัศล์เล่มนี้ว่า มีหะดีษอยู่ 19 บท  ซึ่งต้นฉบับถูกเก็บรักษาไว้ในห้องสมุดชื่อ المكتبة المركزية มักตะบะฮ์ มัรกะซียะฮ์ ปัจจุบันอยู่ในมหาวิทยาลัยเตฮะรานประเทศอิหร่าน มันถูกเก็บรวมไว้กับต้นฉบับหนังสือหะดีษที่เรียกกันชื่อกันว่า الأصول الأربعمائة อุซูล อัรบะมิอะฮ์  


เมื่อนำหะดีษที่ 1

จากอัลกาฟีมาเทียบกับต้นฉบับหนังสืออุซูล อัรบะมิอะฮ์ ซึ่งเก่าแก่กว่าอับกาฟี ปรากฏว่าในต้นฉบับเดิมนี้ได้บันทึกไว้คือ

قال رسول الله (صلى الله عليه وآله) : إِنِّي وَ اَحَدَ عَشَرَ مِنْ وُلْدِي وَ أَنْتَ يَا عَلِيُّ زِرُّ الْأَرْضِ

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า :

[ แท้จริงฉันกับ 11 คนที่มาจากลูกหลานของฉัน ]  

และโอ้อาลีเอ๋ย  เจ้าคือเสาหลักของแผ่นดิน



ส่วนหะดีษที่ 2

จากอัลกาฟีพอนำมาเทียบกับต้นฉบับหนังสืออุซูล อัรบะมิอะฮ์ ปรากฏว่าในต้นฉบับเดิมนี้ได้บันทึกไว้ว่า
 
قال رسول الله (صلى الله عليه وآله) : مِنْ وُلْدِيَ اَحَدَ عَشَرَ نُقَباَءُ نُجَبَاءُ مُحَدَّثُونَ مُفَهَّمُونَ آخِرُهُمُ الْقَائِمُ بِالْحَقِّ

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า :  

[ จากลูกของฉันจะมี 11  ผู้นำ ]  


พวกเขา(ทั้ง11) เป็นผู้มีเชื้อสายดี  เป็นผู้ที่ได้รับอิลฮาม  เป็นผู้ที่ได้รับความเข้าใจ  คนสุดท้ายของพวกเขาคือ ผู้ดำรงมั่นต่อสัจธรรม


เพราะฉะนั้นในประเด็นนี้เราจึงได้คำตอบว่า   หะดีษดังกล่าวที่อยู่ในหนังสืออัลกาฟีเกิดความผิดพลาดขึ้นจากการคัดลอกด้วยมือ
  •  

L-umar

หะดีษที่  3 -  


เชคกุลัยนีบันทึกหะดีษด้วยสะนัดดังนี้

مُحَمَّدُ بْنُ يَحْيَى عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ الْحُسَيْنِ عَنِ ابْنِ مَحْبُوبٍ عَنْ أَبِي الْجَارُودِ عَنْ أَبِي جَعْفَرٍ (ع)
عَنْ جَابِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ الْأَنْصَارِيِّ قَالَ :
دَخَلْتُ عَلَى فَاطِمَةَ (ع) وَ بَيْنَ يَدَيْهَا لَوْحٌ فِيهِ أَسْمَاءُ الْأَوْصِيَاءِ مِنْ وُلْدِهَا فَعَدَدْتُ اثْنَيْ عَشَرَ آخِرُهُمُ الْقَائِمُ (ع) ثَلَاثَةٌ مِنْهُمْ مُحَمَّدٌ وَ ثَلَاثَةٌ مِنْهُمْ عَلِيٌّ

ซอฮาบะฮ์ชื่อท่านญาบิร บินอับดุลลอฮ์(ศ)เล่าว่า :

ฉันได้เข้ามาพบท่านหญิงฟาติมะฮ์ และระหว่างมือทั้งสองของนางมีแผ่นบันทึก(เลาห์)ในนั้นมีรายชื่อวะซี  ฉัน(ญาบิร)นับได้สิบสองคน << มาจากบุตรของนาง >>  คนสุดท้ายชื่ออัลกออิม(อ)  มีชื่อมุฮัมมัดสามคนและมีชื่ออาลีสามคนจากพวกเขา(บรรดาวะซี)

อัลกาฟี  เล่ม 1 หน้า 532  หะดีษที่ 9   สถานะหะดีษ → ดออีฟ



เชคศอดูกได้รายงานหะดีษเดียวกันกับเชคกุลัยนีไว้ในหนังสือสามเล่มของเขาคือ


1,กะมาลุดดีน
 
حَدَّثَناَ أحْمَدُ بْنُ مُحَمَّدُ بْنُ يَحْيَى العطار رضي الله عنه قال: حدثني أبي، عن مُحَمَّدِ بْنِ الْحُسَيْنِ بن أبي الخطاب، عن الحسن بْنِ مَحْبُوبٍ ، عَنْ أَبِي الْجَارُودِ ، عَنْ أَبِي جَعْفَرٍ عليه السلام،
عَنْ جَابِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ الْأَنْصَارِيِّ قَالَ :
دَخَلْتُ عَلَى فَاطِمَةَ عليهما السلام وَ بَيْنَ يَدَيْهَا لَوْحٌ (مكتوب) فِيهِ أَسْمَاءُ الْأَوْصِيَاءِ فَعَدَدْتُ اثْنَيْ عَشَرَ آخِرُهُمُ الْقَائِمُ
كمال الدين وتمام النعمة  ج 46 ص 5 ح 3

ท่านญาบิร บินอับดุลลอฮ์(ศ)เล่าว่า :  

ฉันได้เข้ามาพบท่านหญิงฟาติมะฮ์ และระหว่างมือทั้งสองของนางมีแผ่นบันทึก(เลาห์)ในนั้นมีรายชื่อวะซี  ฉัน(ญาบิร)นับได้สิบสองคน  คนสุดท้ายชื่ออัลกออิม(อ)  

ดูหนังสือ  http://www.rafed.net/books/hadith/kamal/17.html#66


2,อุยูนุ อัคบาริลริฎอ (อ)

حَدَّثَناَ أحْمَدُ بْنُ مُحَمَّدُ بْنُ يَحْيَى العطار رضى الله عنه قال: حدثنا أبي عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ الْحُسَيْنِ بن أبي الخطاب عن الحسن بْنِ مَحْبُوبٍ عَنْ أَبِي الْجَارُودِ عَنْ أَبِي جَعْفَرٍ
عَنْ جَابِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ الْأَنْصَارِيِّ قَالَ :
دَخَلْتُ عَلَى فَاطِمَةَ عليها السلام وَ بَيْنَ يَدَيْهَا لَوْحٌ فِيهِ أَسْمَاءُ الْأَوْصِيَاءِ فَعَدَدْتُ اثْنَيْ عَشَرَ آخِرُهُمُ الْقَائِمُ
عيون أخبار الرضا (ع)  ج 2  ص 48 ح 6
5 - باب نسخه وصيه موسى بن جعفر عليهما السلام

ท่านญาบิร บินอับดุลลอฮ์(ศ)เล่าว่า :  

ฉันได้เข้ามาพบท่านหญิงฟาติมะฮ์ และระหว่างมือทั้งสองของนางมีแผ่นบันทึก(เลาห์)ในนั้นมีรายชื่อวะซี  ฉัน(ญาบิร)นับได้สิบสองคน  คนสุดท้ายชื่ออัลกออิม(อ)  

ดูหนังสือ
http://www.mezan.net/books/oyon/oyoon/html/ara/books/auon_reza/01/a03.htm#link6


3,อัลคิศ็อล

حَدَّثَنَا أبي رضي الله عنه قال : حَدَّثَنَا سَعْدُ بْنُ عَبْدِ اللَّهِ قال : حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ ابْنِ الْحُسَيْنِ بن أَبِي الْخَطَّابِ ، عن الحسن بْنِ مَحْبُوبٍ ، عَنْ أَبِي الْجَارُودِ ، عَنْ أَبِي جَعْفَرٍ عليه السلام ، عَنْ جَابِرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ الْأَنْصَارِيِّ قَالَ :
دَخَلْتُ عَلَى فَاطِمَةَ عليها السلام وَ بَيْنَ يَدَيْهَا لَوْحٌ فِيهِ أَسْمَاءُ الْأَوْصِيَاءِ فَعَدَدْتُ اثْنَيْ عَشَرَ آخِرُهُمُ الْقَائِمُ
الخصال للشيخ الصدوق ج 1 ص 494 ح 42    باب الواحد إلى اثنى عشر

ท่านญาบิร บินอับดุลลอฮ์(ศ)เล่าว่า :  

ฉันได้เข้ามาพบท่านหญิงฟาติมะฮ์ และระหว่างมือทั้งสองของนางมีแผ่นบันทึก(เลาห์)ในนั้นมีรายชื่อวะซี  ฉัน(ญาบิร)นับได้สิบสองคน  คนสุดท้ายชื่ออัลกออิม(อ)  

ดูหนังสือ  http://gadir.free.fr/Ar/Hadis/Kutub/Hisal/Hisal-2/Hadith/Khesal2/a150.htm



หะดีษของเชคศอดูกทั้งสามบทนี้มีสายรายงานหลายสาย แต่ทั้งหมดได้มาสิ้นสุดลงที่ท่านญาบิรบินอับดุลลอฮ์ อัลอันซอรี (ร.ฎ.)


ผลการตรวจสอบคือ หะดีษสามบทที่เชคศอดูกรายงาน ไม่มีปรากฏคำว่า

<< مِنْ وُلْدِهاَ    มาจากบุตรของนาง >>  



ซึ่งแสดงว่าคำ " มินวุลดิฮา " นี้เป็นสิ่งที่เพิ่มเข้ามาในอัลกาฟีซึ่งเกิดจากความผิดพลาดของผู้คัดลอกหะดีษจากต้นฉบับในสมัยก่อนนั่นเอง
  •  

L-umar

หะดีษที่  4 –



عَنْ زُرَارَةَ قَالَ سَمِعْتُ أَبَا جَعْفَرٍ (ع) يَقُولُ :  الِاثْنَا عَشَرَ الْإِمَامَ مِنْ آلِ مُحَمَّدٍ (ع) كُلُّهُمْ مُحَدَّثٌ مِنْ وُلْدِ رَسُولِ اللَّهِ (ص) وَ مِنْ وُلْدِ عَلِيٍّ وَ رَسُولُ اللَّهِ وَ عَلِيٌّ (ع)  هُمَا الْوَالِدَانِ

ซุรอเราะฮ์ได้เล่าว่า  ฉันได้ยินท่านอิม่ามอบูญะอ์ฟัรกล่าวว่า :

สิบสองอิม่ามผู้นำนั้นมาจากอาลิมุฮัมมัด(วงศ์วานของนะบีมุฮัมมัด)  พวกเขาทั้งหมดคือ มุห์ดัษ  มาจากบุตรของท่านรอซูลุลลอฮ์  และจากบุตรของท่านอิม่ามอาลี...

อัลกาฟี  เล่ม 1 หน้า 531  หะดีษที่ 7   สถานะหะดีษ →  มุวัษษัก


อีกบทหนึ่ง เชคกุลัยนีได้รายงานด้วยสะนัดของเขาคือ

عَنْ زُرَارَةَ قَالَ سَمِعْتُ أَبَا جَعْفَرٍ (ع) يَقُولُ :
الِاثْنَا عَشَرَ الْإِمَامَ مِنْ آلِ مُحَمَّدٍ كُلُّهُمْ مُحَدَّثٌ مِنْ وُلْدِ رَسُولِ اللَّهِ (ص) وَ وُلْدِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ (ع) فَرَسُولُ اللَّهِ (ص) وَ عَلِيٌّ (ع) هُمَا الْوَالِدَانِ

ซุรอเราะฮ์ได้เล่าว่า  ฉันได้ยินท่านอิม่ามอบูญะอ์ฟัรกล่าวว่า :

สิบสองอิม่ามผู้นำนั้นมาจากอาลิมุฮัมมัด(วงศ์วานของนะบีมุฮัมมัด)  พวกเขาทั้งหมดคือ มุห์ดัษ  มาจากบุตรของท่านรอซูลุลลอฮ์และจากบุตรของท่านอิม่ามอาลี...

อัลกาฟี  เล่ม 1 หน้า 533  หะดีษที่ 14   สถานะหะดีษ → มุวัษษัก




เชคมุฟีดได้รับหะดีษบทนี้มาจากเชคกุลัยนีโดยบันทึกมันไว้ในหนังสืออัลเอ็รชาดของเขา


และท่านอัตต็อบเราะซีได้บันทึกหะดีษบทนี้ไว้ในหนังสืออะอ์ลามุลวะรอ ดังนี้


أَخْبَرَنِي أَبُو الْقَاسِمِ عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ يَعْقُوبَ عَنْ أَبِي عَلِيٍّ الْأَشْعَرِيِّ عَنِ الْحَسَنِ بْنِ عُبَيْدِ اللَّهِ عَنِ الْحَسَنِ بْنِ مُوسَى الْخَشَّابِ عَنْ عَلِيِّ بْنِ سَمَاعَةَ عَنْ عَلِىِّ بْنِ الْحَسَنِ بْنِ رِباَطٍ عَنِ ابْنِ أُذَيْنَةَ عَنْ زُراَرَةَ قاَلَ : سَمِعْتُ أَباَ جَعْفَرٍ عليه السلام يَقُوْلُ :

الِاثْنَيْ عَشَرَ الْأَئِمَّةُ مِنْ آلِ مُحَمَّدٍ كُلُّهُمْ مُحَدَّثٌ، عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ وَ أَحَدَ عَشَرَ مِنْ وُلْدِهِ، وَرَسُوْلُ اللهِ عَلَيْهِ السَّلاَم ُوَعَلِىٌّ هُماَ الْوَالِدَانِ

كتاب : الارشاد في معرفه حجج الله على العباد   ج 2 ص 347  ح 5
باب 37 ما جاء من النص على امامة صاحب الزمان الثانى عشر

(เชคมุฟีดได้เล่าหะดีษนี้จาก) อะบุลกอสิม(คืออิบนุกูละวัยฮ์)เล่าให้ฉันฟัง จากมุฮัมมัด บินยะอ์กูบ(คืออัลกุลัยนี)  จากอะบีอาลี อัลอัชอะรี  จากอัลฮาซัน บินอุบัยดุลลอฮ์ จากอัลฮาซัน บินมูซาอัลคอชชาบ จากอาลี บินสิมาอะฮ์ จากอาลี บินอัลฮาซัน บินริบาฏ จากอิบนิอุซัยนะฮ์  จากซุรอเราะฮ์ได้เล่าว่า  ฉันได้ยินท่านอิม่ามอบูญะอ์ฟัร(อ)กล่าวว่า :


สิบสองอิม่ามผู้นำนั้นมาจากอาลิมุฮัมมัด(วงศ์วานของนะบีมุฮัมมัด)  พวกเขาทั้งหมดคือ มุห์ดัษ  คือท่านอาลี บินอะบีตอลิบและ 11 คนจากบุตรของเขา(คือของท่านอาลี) ส่วนท่านรอซูลุลลอฮ์กับท่านอาลีทั้งสองคือบิดา(และตา)

ดูอัลเอ็รชาด เล่ม 2 : 347 หะดีษที่ 5

ดูสารบัญเล่มหนึ่ง
http://alkadhum.org/other/mktba/hadith/alershad01/index.htm
ดูสารบัญเล่มสอง
http://www.alkadhum.org/other/mktba/hadith/alershad02/index.htm
หะดีษนี้อยู่ใต้หน้าที่ 347
http://www.alkadhum.org/other/mktba/hadith/alershad02/index.htm

อะอ์ลามุลวะรอ  เล่ม 2 หน้า 135
อัลฆ็อยบะฮ์ ของเชคตูซี่    เล่ม 1 หน้า 156 หะดีษที่  7





ท่านจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า  หะดีษตรงวรรคที่กล่าวว่า

عَلِيُّ بْنُ أَبِي طَالِبٍ وَ أَحَدَ عَشَرَ مِنْ وُلْدِهِ

คือท่านอาลี บินอะบีตอลิบ << และ >> 11 คนจากบุตรของเขา


วรรคนี้มันได้ตกหล่นไปจากหะดีษที่อยู่ในหนังสืออัลกาฟี  ซึ่งนั่นก็คือความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากผู้คัดลอกอีกเช่นกัน
  •  

81 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้