Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

มีนาคม 28, 2024, 07:40:32 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 2,519
  • หัวข้อทั้งหมด: 647
  • Online today: 70
  • Online ever: 70
  • (วันนี้ เวลา 05:38:43 หลังเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 49
Total: 49

ความเป็นเอกภาพในประชาชาติมุสลิม

เริ่มโดย L-umar, มีนาคม 24, 2010, 04:46:19 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar

ความเป็นเอกภาพในประชาชาติมุสลิม และมะเร็งร้ายของอิสลาม



อิมามียะฮ์ เจอร์นัล :

บทสำภาษณ์พิเศษ ฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี
นายกฯ สมาคมนักเรียนเก่าไทย อิหร่าน และผู้อำนวยการสถาบันการศึกษาศาสนาอิสลามอัลมะฮ์ดี (อ.) จ. นครศรีธรรมราช ก่อนเดินทางไปประชุมงานสัปดาห์เอกภาพโลก กรุงเตหระราน ประเทศอิหร่าน ช่วงปลายเดือนนี้


ในวันนี้โลกอิสลาม และประชาชาติมุสลิมกำลังเผชิญกับภัยพิบัติอันใหญ่หลวง ที่มิสามารถประเมินค่าความเสียหายที่ได้บังเกิดขึ้นกับศาสนาอิสลามได้ นั่นคือความแตกแยกที่เกิดขึ้นในหมู่ประชาชาติมุสลิม อันเนื่องมาจาก ประชาชาติมุสลิมละเลย ไม่ให้ความสำคัญ เห็นแก่ตัว หลงอยู่กับแสงสีแห่งโลกวัตถุ สรุปคือ ไม่ได้ใช้ชีวิตตามวิถีการใช้ชีวิตของมุสลิมแท้จริง ไม่ได้ทำตามแบบอย่างของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ดังคำกล่าวอ้าง จนเป็นเหตุให้ประชาชาติมุสลิมทั่วทั้งโลกต้องตกอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถจะพัฒนาไปสู่การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ และเป็นมุสลิมที่แท้จริงได้

เรื่องของการสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในประชาชาติมุสลิมนั้น ในความเป็นจริงคือบทบัญญัติหนึ่งจากพระผู้ทรงสร้าง ซึ่งพระองค์ทรงตรัสไว้ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน บทที่ 3 โองการที่ 103 ว่า \\\"จงยึดสายเชือกของอัลลอฮ์โดยพร้อมเพรียงกันทั้งหมด และจงอย่าแตกแยกกัน\\\" หรือจะปฏิเสธว่านี่ไม่ได้เป็นพระบัญชาของพระองค์ดอกหรือ?? หากใช่ แล้วด้วยเหตุอันใดที่ในวันนี้ ประชาชาติมุสลิมต้องแตกออกเป็นหลายฝักหลายฝ่าย ต่างหันหน้าเข้าหากัน บางพื้นที่ถึงกับรบราฆ่าฟันกัน

เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจอย่างยิ่งในวันนี้ว่า ความแตกต่างในข้อปลีกย่อยของแต่ละกลุ่มเกิดขึ้นได้อย่างไรในประชาชาติอิสลาม ในเมื่อมีพระองค์อัลลอฮ์เป็นพระเจ้าองค์เดียวกัน มีคัมภีร์อัลกุรอานเล่มเดียวกัน มีศาสดาท่านสุดท้ายคือ มุฮัมมัด บุตรของอับดุลลอฮ์คนเดียวกัน ผินหน้าในช่วงนมาซไปยังนครมักกะฮ์เหมือนกันทุกกลุ่ม แล้วเกิดอะไรขึ้น จึงมีความแตกต่างในหมู่ประชาชาติมุสลิม ณ วันนี้????

คำตอบคงหนีไม่พ้นจากข้อสงสัยที่ว่า อาจจะมีบางคน หรือบางกลุ่ม ได้ทำการบิดเบือนหลักการอิสลามที่แท้จริงในยุคแรกเริ่มภายหลังจากท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ได้จากโลกนี้ไป เพราะแน่นอนในยุคที่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ยังมีชีวิตอยู่นั้น การปฏิบัติ การสั่งสอนของท่านคงเป็นไปในระบอบเดียวเท่านั้น คงเป็นไปไม่ได้ที่ในวันหนึ่งท่านจะนมาซกอดอก แต่อีกวันท่านจะนมาซปล่อยมือ หรือในวันหนึ่งท่านได้ไปซิยารัตกุโบร์ แต่อีกวันท่านสอนสั่งว่าการซิยารัตกุโบร์ นั้นเป็นการกระทำชิริก (ตั้งภาคีกับพระองค์) ฯลฯ

พระองค์อัลลอฮ์ทรงรู้ว่า หากมุฮัมมัดศาสดาของพระองค์หวนกลับคืนสู่พระองค์เมื่อใด ประชาชาติของมุฮัมมัดจะแตกแยกกันออกเป็นกลุ่มๆ พระองค์จึงทรงมีบัญชาว่า \\\"สูเจ้าจงอย่าแตกแยกกัน\\\"
จากข้อสงสัยข้างต้นที่ว่า ความแตกต่างในข้อปลีกย่อยของประชาชาติมุสลิมในยุคนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? จากข้อสันนิษฐานที่อยู่บนพื้นฐานของประวัติศาสตร์ที่ได้ถูกบันทึกไว้ก็คือ บรรดาศัตรูของอิสลามซึ่งมีมาตั้งแต่วันที่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ประกาศศาสนาอิสลามให้เป็นศาสนาของมนุษยชาติ ได้เริ่มแผนการทำลายอิสลามทันทีเมื่อท่านศาสดาจากไป เป้าหมายของพวกมันก็คือ จะต้องทำให้ประชาชาติมุสลิมแตกแยกกันเป็นกลุ่มๆ เพื่อง่ายต่อการบิดเบือนและทำลายล้างอิสลาม เพราะในวันนั้นพวกมันสรุปได้ว่า หากประชาชาติมุสลิมมีความเป็นปึกแผ่นอยู่ภายใต้คำสอนเดียวกันที่มีแบบอย่างจากมุฮัมมัด (ศ.) ในไม่ช้ามุสลิมก็จะครองโลก

ดังนั้นรายงานปลอม แบบอย่างที่ผิดเพี้ยนในนามของสุนนะฮ์รอซูลุลลอฮ์ (ศ.) จึงถูกอุปโลกขึ้นในยุคนั้น และประทับตราว่าคือรายงาน และเป็นแบบอย่างของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) เราจึงเห็นได้ว่าวันนี้ในหมู่ประชาชาติมุสลิม กำลังปฏิบัติในสิ่งที่ตัวเองต่างก็แอบอ้างว่าเป็นสุนนะฮ์จากท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ทั้งสิ้น ไม่ว่ากลุ่มใด นิกายใด ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจอีกต่อไปว่า ด้วยเหตุใดวันนี้ความแตกต่างในข้อปลีกย่อยในหมู่ประชาชาติอิสลามจึงมีอยู่อย่างมากมาย พึงรู้ไว้โอ้ประชาชาติอิสลาม พวกท่านกำลังตกเป็นเหยื่อของศัตรูอิสลามเสียแล้ว
แต่ก็ยังไม่สายจนเกินไปหากวันนี้ประชาชาติอิสลามหวนกลับสู่พระบัญชาของพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงตรัสว่า \\\"จงยึดสายเชือกของอัลลอฮ์โดยพร้อมเพรียงกันทั้งหมด และจงอย่าแตกแยกกัน\\\"

ณ วันนี้ ประชาชาติมุสลิมต้องหยุดทะเลาะกัน หันหน้าเข้าหากัน เป็นหนึ่งอันเดียวกัน อย่าปล่อยให้กลลวงของศัตรูมาทำลายความเป็นเอกภาพอีกต่อไป เอกภาพในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า พวกท่านต้องเป็นชีอะฮ์ หรือพวกท่านต้องเป็นสุนนี่ แต่หมายถึงเอกภาพบนพื้นฐานของความเชื่อในการเป็นพระผู้สร้างของอัลลอฮ์ เอกภาพในความเป็นศาสดาท่านสุดท้ายของมุฮัมมัด (ศ.) เอกภาพในคัมภีร์อัลกุอานที่เป็นรัฐธรรมนูญชีวิตสูงสุด ฯลฯ แต่ถ้าหากจะหาความเป็นเอกภาพในข้อปลีกย่อย และความแตกต่างที่มีนั้นคงต้องใช้เวลาอีกนาน และประชาชาติมุสลิมก็จะต้องทุกข์ทรมานอยู่กับความแตกแยกนี้ไม่มีวันจบสิ้น และนั่นหมายความว่า เรากำลังทำให้แผนการสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชาติอิสลามของศัตรูมุ่งสู่ความสำเร็จอีกด้วย

บุคคลใดก็ตามที่ได้เรียกร้องความเป็นเอกภาพในหมู่มุสลิม เขาคือมิตรของเรา ไม่ใช่ศัตรูของมวลมุสลิม เขาผู้นั้นกำลังนำความยิ่งใหญ่มาสู่อิสลาม เขากำลังประสงค์จะเห็นมวลมุสลิมทั่วทั้งโลกมีความรักใคร่กัน เพราะคงไม่มีประโยชน์อันใด ที่ในสังคมมุสลิมต้องหันหน้าเข้าหากันแบบศัตรู มุ่งร้ายซึ่งกันและกัน ในขณะเดียวกันศัตรูก็นั่งรายล้อมดูมุสลิมเข่นฆ่ากัน โต้แย้งกันในทุกเวที ดังนั้นผู้ที่เชิญชวนมวลมุสลิมมาสู่ความเป็นเอกภาพ กับผู้ที่กำลังสร้างฟิตนะฮ์ให้เกิดขึ้นในหมู่มุสลิมขณะนี้ ผู้ใดคือผู้ที่ประสงค์ดีต่ออิสลาม และผู้ใดคือผู้ที่ประสงค์ร้ายต่ออิสลามกันแน่????
เมื่อวันที่ 12 รอบิอุลเอาวัล มาถึงซึ่งเป็นวันครบรอบวันประสูติของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ตามรายงานของซอฮาบะฮ์ผู้ทรงเกียรติในหมู่พี่น้องอะฮ์ลุสซุนนะฮ์มาถึง ชวนให้รำลึกถึงการประกาศของท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ) ผู้นำการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน ให้เริ่มจากวันที่ 12 รอบิอุลเอาวัล ถึงวันที่ 17 รอบิอุลเอาวัล (ครบรอบวันประสูติท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ตามรายงานของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.) ในพี่น้องชีอะฮ์) คือสัปดาห์เอกภาพของประชาชาติมุสลิมทั่วทั้งโลก เป้าหมายของท่านอิมามโคมัยนีคือความเป็นเอกภาพ ความรักใคร่ซึ่งกันและกันในหมู่ประชาชาติมุสลิม แทนการขัดแย้งกันในเรื่องข้อปลีกย่อยต่างๆ ที่มีมาแสนนาน
คำขวัญ \\\"ไม่มีซุนนี่ ไม่มี ชีอะฮ์ มีแต่อิสลาม\\\" ถูกประกาศขึ้นอย่างชัดเจนไปสู่ประชาชาติมุสลิมทั่วโลก ภายใต้ความเป็นเอกภาพแห่งการเป็นประชาชาติมุสลิม ไม่ว่าจะเป็นซุนนี่ หรือชีอะฮ์ ต้องมีการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยวิทยปัญญา ต้องเป็นมุสลิมที่ดี ต้องไม่เป็นเบี้ยล่างของผู้กดขี่ ต้องไม่ตกเป็นเหยื่อของศัตรู

ประชาชาติมุสลิมนับพันล้านคน ที่มีหลักความเชื่อเหมือนกัน ในเรื่องของพระผู้ทรงสร้าง ศาสดา นมาซ ฮัจญ์ กะอ์บะฮ์ และบทบัญญัติของศาสนาอีกมากมาย แต่ต้องมานั่งทะเลาะ พูดจาใส่ร้ายป้ายสีซึ่งกันและกัน ทั้งบนเวที และในโลกไซเบอร์ เกี่ยวกับเรื่องปลีกย่อยเล็กๆ น้อยๆ มันถูกต้องแล้วหรือ??? แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ที่เป็นศัตรูกับรากฐานแห่งอิสลาม และต้องการทำลายศาสนาอิสลาม กำลังนั่งดูมุสลิมทะเลาะกัน และทำงานต่างๆ เพื่อทำลายล้างอิสลามอย่างง่ายดาย สร้างภาพยนต์ดูหมิ่นอิสลาม เขียนการ์ตูนย่ำยีเกียรติยศของท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.)
สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน เล็งเห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้ จึงได้ก่อตั้ง \\\"องค์การโลกเพื่อความสมานฉันท์ระหว่างนิกายในอิสลาม\\\" ขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาความแตกต่างในข้อปลีกย่อยระหว่างนิกายต่างๆ ซึ่งมีบรรดาผู้รู้ นักคิด นักเขียน จากสำนักคิดของพี่น้องอะฮ์ลุสซุนนะฮ์ทั้งสี่นิกาย ชีอะฮ์อิมามียะฮ์ ซัยดียะฮ์ และนิกายอื่นๆ เข้าร่วมเป็นสมาชิกขององค์การนี้ ร่วมกันคิด และพิจารณาเพื่อหาจุดร่วมในการทำงานร่วมกัน สร้างเอกภาพร่วมกันในในมวลประชาชาติมุสลิมทั่วทั้งโลก และจะมีการจัดประชุมใหญ่กันทุกๆ ปีในช่วงสัปดาห์เอกภาพ ส่วนการประชุมย่อยนั้นก็มีการจัดไปตามประเทศมุสลิมต่างๆ ทุกประเทศ เวทีโลกแห่งนี้จะเต็มไปด้วยผู้รู้ของอิสลามจากสำนักคิดต่างๆ และเวทีแห่งนี้จะนำมาซึ่งความเป็นเอกภาพของมวลมุสลิม อินชาอัลลอฮ์

ความเป็นเอกภาพในหมู่มุสลิม คือญัติเร่งด่วนในเวลานี้ ความเป็นเอกภาพในที่นี้ไม่ได้หมายถึง การสลายแนวความคิด หรือสำนักคิด มาเป็นแนวความคิด และสำนักคิดเดียว แต่ความหมายที่แท้จริงของความเป็นเอกภาพในหมู่มุสลิมคือ นิกายซุนนี่และชีอะฮ์ ซึ่งทั้งสองนิกายต่างก็มีสำนักคิดย่อยอีกหลายสาขา จะต้องมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ร่วมมือกัน เพื่อต่อสู้กับศัตรูที่แท้จริงของอิสลาม และอีกประการ สำนักคิดต่างๆ ต้องร่วมกันหาจุดร่วมเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพ สร้างความสมานฉันฑ์ ความแตกต่างในเรื่องบทบัญญัติสามารถหาจุดร่วมกันได้ ในเมื่อบทบัญญัติเหล่านั้นมาจากพระเจ้าองค์เดียวกัน มีแบบอย่างจากศาสดาท่านเดียวกัน คงไม่ยากที่จะหาจุดร่วมกันได้ เพราะท้ายที่สุดหากทุกสำนักคิดรวมกันเป็นหนึ่ง ประโยชน์ก็จะเป็นของอิสลามและมวลมุสลิม มิใช่เพื่ออื่นใด

เราไม่ได้กล่าวว่า ซุนนี่ต้องมาเป็นชีอะฮ์ หรือชีอะฮ์ต้องเปลี่ยนมาเป็นซุนนี่ให้หมด แต่หากว่าผู้หนึ่งผู้ใดที่เป็นชีอะฮ์และศึกษาแนวทางซุนนะฮ์ และเห็นว่าแนวทางนี้ถูกต้อง เขาไปอยู่ในแนวทางซุนนะฮ์ หรือซุนนะฮ์ได้มาอยู่ในแนวทางชีอะฮ์ ก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจของผู้นั้น พระองค์จะเป็นผู้ตัดสินเขาเอง เราไม่มีสิทธิไปบังคับผู้ใดได้อย่างแน่นอน จะเป็นซุนนี่หรือชีอะฮ์ก็ไม่มีความแตกต่างอะไรกัน ไม่ต้องเป็นศัตรูกัน รักใคร่กันในนามประชาชาติของศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ไม่ต้องไปตัดสินให้ผู้อื่นเป็นผู้หลงผิด หรือเป็นผู้สร้างอุตริกรรมในศาสนา เพราะคุณไม่ได้มีประกาศิตในการตัดสินผู้ใด
ประชาชาติมุสลิมทั้งหลายเอ๋ย ความเป็นเอกภาพในหมู่พวกท่าน ถึงแม้จะมีข้อแตกต่างกันบ้างเล็กๆ น้อยๆ นั้นคือประโยชน์ของอิสลาม และจะนำความยิ่งใหญ่มาสู่อิสลาม และประชาชาติมุสลิม ณ วันนี้เหล่าศัตรูทราบดีว่า ความเป็นเอกภาพในหมู่มุสลิม คืออันตรายอย่างใหญ่หลวงสำหรับพวกมัน ด้วยเหตุนี้เองพวกมันจึงพยายามทุกวิถีทางในการสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นมากที่สุดในหมู่มุสลิม เงินทุนมหาศาลถูกใช้จ่ายเป็นงบประมาณเพื่อปฎิบัติภารกิจสร้างความแตกแยกในหมู่มุสลิม
แม้กระทั่งว่าต้องการแยกอิสลามแห่งอิหร่านออกจากอิสลามแห่งอาหรับ พวกมันก็คิดที่จะทำ แต่คงเป็นไปไม่ได้ สงครามต่างๆ หลายๆ สถานที่ ระหว่างซุนนี่ ชีอะฮ์ ถูกก่อขึ้น กระแสต่างๆ นานา กล่าวหาว่า ชีอะฮ์เป็นกาเฟร ชีอะฮ์ด่าทอซอฮาบะฮ์ ซุนนี่ไม่เอาอะฮ์ลุลบัยต์ ฯลฯ ทั้งหมดคือ แผนการณ์ร้ายของศัตรูทั้งสิ้น เพื่อต้องการให้มวลมุสลิมต้องรบราฆ่าฟันกันเอง

แต่ในขณะเดียวกัน แผนการณ์ร้ายเหล่านี้ก็ได้ถูกจำกัดไว้เฉพาะกลุ่มเสียแล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มที่ทำงานเพื่อสร้างความแตกแยกในหมู่มวลมุสลิมประการเดียว ด้วยข้ออ้างต่างๆ นานา พร้อมฟันธงบุคคลอื่นเสียเสร็จสรรพตั้งแต่ยังไม่ทันได้กลับไปหาพระองค์ ขอพระองค์ทรงทำลายกลุ่มคนที่กำลังรับใช้ศัตรูอิสลาม เพื่อทำลายล้างอิสลาม ในนามของมุสลิมด้วยเถิด โอ้อัลลอฮ์.....


อ้างอิงจากเวบ  http://www.ahlulbait.org/main/content.php?page=sub&category=11&id=330
  •  

49 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้