Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

เมษายน 17, 2024, 12:44:09 ก่อนเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 2,585
  • หัวข้อทั้งหมด: 648
  • Online today: 37
  • Online ever: 104
  • (มีนาคม 29, 2024, 02:09:38 หลังเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 38
Total: 38

มุซีบัตฟาติมะฮ์บุตรีท่านนบี(ศ)จากปากอิบนุกุตัยบะฮ์

เริ่มโดย L-umar, เมษายน 20, 2011, 11:23:28 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar

อิบนุกุตัยบะฮ์

หนึ่งในนักวิชาการผู้โด่งดังในโลกอิสลามได้กล่าวถึง โศกนากรรมของท่านหญิงฟาติมะฮ์(อ)ไว้ในหนังสือของเขาชื่อ

" อัลอิมามะฮ์ วัสซิยาซะฮ์ " ในหัวข้อ


كَيْفَ كاَنَتْ بَيْعَةَ عَلِيِّ بْنِ أَبِيْ طاَلِبٍ كَرَّمَ اللهُ وَجْهَهُ

ท่านอาลี บินอบีตอลิบ(ขออัลลอฮ์ทรงให้เกียรติแก่ใบหน้าของเขาด้วย)ได้ให้บัยอัตอย่างไร



เขาเล่าว่า :

وَإنَّ أَباَ بَكْرٍ رضي الله عنه تَفَقَّدَ قَوْماً تَخَلَّفُوْا عَنْ بَيْعَتِهِ عِنْدَ عَلِيٍّ كرم الله وجهه،

ท่านอบูบักรได้ค้นพบคนกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่ได้มอบบัยอัตให้กับเขา(หลบ)อยู่ที่บ้านของท่านอาลี

فَبَعَثَ إلَيْهِمْ عُمَرَ، فَجاَءَ فَناَدَاهُمْ وَهُمْ فِي دَارِ عَلِيٍّ، فَأَبَوْا أنْ يَخْرُجُوْا

เขาจึงส่งท่านอุมัรไปหาพวกเขา  ท่านอุมัรได้มาแล้วเรียกพวกเขา ซึ่งอยู่ในบ้านของท่านอาลี แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะออกมาข้างนอก

فَدَعاَ بِالْحَطَبِ وَقاَلَ : وَالَّذِيْ نَفْسُ عُمَرَ بِيَدِهِ . لَتَخْرُجَنَّ أَوْ لَاُحْرِقَنَّهاَ عَلَى مَنْ فِيْهاَ،  

ท่านอุมัรได้เรียกให้เอาฟืนมาและกล่าวว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า  เจ้าจะต้องออกมาหรือมิเช่นนั้นข้าจะจุดไฟเผาคนที่อยู่ข้างในบ้านนี้

قِيْلَ لَهُ ياَ أَباَ حَفْص إنَّ فِيْهاَ فاَطِمَةُ ؟ فَقاَلَ وَإنْ، فَخَرَجُوْا فَباَيَعُوْا

มีคนกล่าวว่า โอ้อบูฮัฟศ์(อุมัร) ในบ้านหลังนี้มีฟาติมะฮ์อยู่นะ เขากล่าวว่าแม้นางจะอยู่ในนั้นก็ตาม ดังนั้นพวกเขาจึงออกมาให้บัยอัต

إِلاَّ عَلِياًّ فَإِنَّهُ زَعَمَ أَنَّهُ قاَلَ : حَلَفْتُ أنْ لاَ أُخْرُجَ وَلاَ أَضَعَ ثَوْبِيْ عَلَى عاَتِقِيْ حَتىَّ أَجْمَعَ الْقُرْآنَ،  

ยกเว้นท่านอาลี เพราะเขาอ้าง(เหตุผล)ว่า ฉันได้สาบานเอาไว้ว่าจะไม่ออกไปไหนและจะไม่เอาผ้าฉันวางบนไหล่จนกว่าฉันจะรวบรวมอัลกุรอ่าน(ให้เสร็จเสียก่อน)

فَوَقَفَتْ فاَطِمَةُ رضي الله عنها عَلَى باَبِهاَ، فَقاَلَتْ : لاَ عَهْدَ لِيْ بِقَوْمٍ حَضَرُوْا أَسْوَأَ مَحْضَرٍ مِنْكُمْ،

ท่านหญิงฟาติมะฮ์ยืนอยู่ตรงประตูบ้าน(ด้านใน)พลางกล่าวว่า สำหรับฉัน ไม่เคยมีสมัยใดจะมีชนกลุ่มหนึ่งที่มายัง(บ้านฉัน)จะเลวมากไปกว่าการมาของพวกท่านอีกแล้ว

تَرَكْتُمْ رَسُوْلَ اللهِ صلى الله عليه وسلم جَناَزَةً بَيْنَ أَيْدِيْناَ، وَقَطَعْتُمْ أَمْرَكُمْ بَيْنَكُمْ، لَمْ تَسْتَأْمِرُوْناَ، وَلَمْ تَرِدُوْا لَناَ حَقاًّ.

พวกท่านทิ้งญะนาซะฮ์ของท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ไว้กับพวกเรา และพวกเจ้าได้ตัด(สิน)กิจการของพวกท่านเองในหมู่พวกท่านโดยไม่ได้ขอคำปรึกษาหารือกับพวกเราเลยและไม่เคยมอบสิทธิอันชอบธรรมให้กับพวกเราด้วย

فَأَتَى عُمَرُ أَباَ بَكْرٍ، فَقاَلَ لَهُ : أَلاَ تَأْخُذُ هَذاَ الْمُتَخَلِّفَ عَنْكَ باِلْبَيْعَةِ ؟  فَقاَلَ أَبُوْ بَكْرٍ لِقُنْفُذٍ
وَهُوَ مَوْلَى لَهُ : اِذْهَبْ فَادْعُ لِيْ عَلِياًّ،  

ท่านอุมัรได้กลับมาหาท่านอบูบักรแล้วกล่าวกับเขาว่า  ท่านจะไม่เอา(เรื่องกับ)ผู้ที่ไม่ยอมมอบบัยอัตต่อท่านคนนี้หรือ ? ท่านอบูบักรจึงบอกกับกุนฟุซคนรับใช้ของเขาว่า จงไปเรียกอาลีมาหาฉันที

قاَلَ فَذَهَبَ إِلىَ عَلِيٍّ فَقاَلَ لَهُ : ماَ حاَجَتُكَ ؟  فَقاَلَ يَدْعُوْكَ خَلِيْفَةُ رَسُوْلِ الله ، فَقاَلَ عَلِيٌّ : لَسَرِيْعٌ ماَ كَذِبْتُمْ عَلىَ رَسُوْلِ الله . فَرَجَعَ فَأَبْلَغَ الرِّساَلَةَ،

กุนฟุซจึงไปหาท่านอาลี  ฝ่ายท่านอาลีกล่าวว่า เจ้ามีธุระอะไรหรือ  กุนฟุซตอบว่า  คอลีฟะฮ์ของท่านรอซูลฯขอเชิญท่านไปพบ   ท่านอาลีจึงกล่าวว่า ช่างรวดเร็วเสียเหลือเกินสิ่งที่พวกท่านได้มุสาต่อท่านรอซูลุลลอฮ์ กุนฟุซจึงเอาข่าวกลับไปบอก(ท่านอบูบักร)

قاَلَ : فَبَكَى أَبُوْ بَكْرٍ طَوِيْلاً.  فَقاَلَ عُمَرُ الثاَّنِيَّةَ : لاَ تَمْهِلْ هَذاَ الْمُتَخَلِّفَ عَنْكَ بِالْبَيْعَةِ،

เขาเล่าว่า ท่านอบูบักร(ได้ฟัง)จึงร้องไห้เป็นเวลานาน  ท่านอุมัรได้กล่าวเป็นครั้งที่สองว่า ท่านจงอย่าปล่อยคนที่ไม่ยอมบัยอัตให้กับท่านคนนี้ไว้
 
فَقاَلَ أَبُوْ بَكْرٍ رضي الله عنه لِقُنْفُذٍ : عُدْ إِلَيْهِ، فَقُلْ لَهُ : خَلِيْفَةُ رَسُوْلِ الله يَدْعُوْكَ لِتُباَيِعَ،

ท่านอบูบักรกล่าวกับกุนฟุซว่า จงกลับไปหาเขาแล้วจงบอกเขาว่า  คอลีฟะฮ์ของท่านรอซูลฯเชิญท่านให้มาบัยอัต

فَجاَءَهُ قُنْفُذٍ، فَأَدَّى ماَ أُمِرَ بِهِ، فَرَفَعَ عَلِىٌّ صَوْتَهُ فَقاَلَ سُبْحاَنَ الله ؟ لَقَد ادَّعَى ماَ لَبِسَ لَهُ، فَرَجَعَ قُنْفُذٌ، فَأَبْلَغَ الرِّساَلَةَ،

กุนฟุซมาหาท่านอาลี(อีกครั้ง)แล้วทำตามที่เขาถูกคำสั่งให้ทำ  ท่านอาลีได้ยกเสียงดังลั่นว่า  สุบฮานัลลอฮ์ ? เขาได้แอบอ้างในสิ่งที่คนได้สวมให้เขากระนั้นหรือ  กุนฟุซ กลับมาแล้วแจ้งข่าว(ให้ท่านอบูบักรฟัง)

فَبَكَى أَبُوْ بَكْرٍ طَوِيْلاً، ثُمَّ قاَمَ عُمَرُ، فَمَشَى مَعَهُ جَماَعَةٌ، حَتَّى أَتَوْا باَبَ فاَطِمَةَ،

แล้วท่านอบูบักรได้ร้องไห้เป็นเวลานาน จากนั้นท่านอุมัรได้ลุกขึ้นไปกับคนกลุ่มหนึ่งพร้อมกับเขา จนพวกเขาได้มาถึงที่หน้าประตูบ้านของนางฟาติมะฮ์
 
فَدَقُّوْا الْباَبَ، فَلَماَّ سَمِعَتْ أَصْوَاتَهُمْ ناَدَتْ بِأَعْلَى صَوْتِهاَ : ياَ أَبَتِ ياَ رَسُوْلَ الله، ماَذاَ لَقِيْناَ بَعْدَكَ مِن ابْنِ الْخَطاَّبِ وَابْنِ أَبِيْ قُحاَفَةَ،

พวกเขาเคาะประตู พอนางได้ยินเสียงของพวกเขา นางจึงร้องออกมาด้วยเสียงดังลั่นว่า โอ้พ่อจ๋า โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์  เราได้เจออะไรหลังจากท่าน จากอิบนุคอฏฏ็อบและอิบนุ กุฮาฟะฮ์(ท่านอุมัรและท่านอบูบักร)

فَلَماَّ سَمِعَ الْقَوْمُ صَوْتَهاَ وَبُكاَءَهاَ، اِنْصَرَفُوْا باَكِيْنَ، وَكاَدَتْ قُلُوْبُهُمْ تَنْصَدِعُ، وَأَكْباَدُهُمْ تَنْفَطِرُ،

พอคนกลุ่มนั้นได้ยินเสียงของนางและการร้องไห้ของนาง พวกเขาจึงได้ผินกลับไปในสภาพร้องไห้  จิตใจของพวกเขาแทบแตกสลาย
 
وَبَقَى عُمَرُ وَمَعَهُ قَوْمٌ، فَأَخْرَجُوْا عَلِياًّ، فَمَضَوْا بِهِ إِلىَ أَبِيْ بَكْرٍ، فَقاَلُوْا لَهُ: باَيِعْ ،

ท่านอุมัรกับชนกลุ่มหนึ่งยังคงอยู่  พวกเขาได้นำตัวท่านอาลีออกมาข้างนอกแล้วพาไปหาท่านอบูบักร พวกเขาบอกกับท่านอาลีว่า จงมอบบัยอัตเถิด

فَقاَلَ : إنْ أَناَ لَمْ أَفْعَلْ فَمَه ؟ قاَلُوْا: إِذاً وَاللهِ الَّذِيْ لاَ إِلَهَ إِلاَّ هُوَ نَضْرِبُ عُنُقَكَ ،

ท่านอาลีกล่าวว่า หากฉันจะยอมทำล่ะ จะมีอะไร  พวกเขากล่าวว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮ์  เราก็จะตัดคอท่านเสีย

فَقاَلَ : إِذاً تَقْتُلُوْنَ عَبْدَ اللهِ وَأَخاَ رَسُوْلِهِ، قاَلَ عُمَرُ : أَماَّ عَبْدُ اللهِ فَنَعَمْ، وَأَماَّ أَخُوْ رَسُوْلِهِ فَلاَ،

ท่านอาลีกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าจะฆ่าบ่าวของอัลลอฮ์และเป็นน้องชายของรอซูลของพระองค์นะสิ   ท่านอุมัรกล่าวว่า  ส่วนการเป็นบ่าวของอัลลอฮ์นั้นใช่ ส่วนการเป็นน้องชายของรอซูลของพระองค์นั้นไม่ใช่

وَأَبَوْ بَكْرٍ ساَكِتٌ لاَ يَتَكَلَّمُ، فَقاَلَ لَهُ عُمَرُ : أَلاَ تَأْمُرُ فِيْهِ بِأَمْرِكَ ؟ فَقاَلَ : لاَ أُكْرِهُهُ عَلَى شَيْءٍ ماَ كاَنَتْ فاَطِمَةُ إِلىَ جَنْبِهِ،

ท่านอบูบักรนิ่งเฉยไม่พูดสิ่งใด ท่านอุมัรจึงบอกกับเขาว่า  ท่านจะไม่สั่งการอันใดในเรื่องนี้ด้วยคำสั่งของท่านเองเลยหรือ ? ท่านอบูบักรตอบว่า ฉันจะไม่บังคับท่านอาลีบนสิ่งใด ตราบใดที่ยังมีนางฟาติมะฮ์อยู่เคียงข้างเขา

فَلَحِقَ عَلِيٌّ بِقَبْرِ رَسُوْلِ الله صلى الله عليه وسلم يَصِيْحُ وَيَبْكِيْ، وَيُناَدِيْ : ياَ بْنَ أُمِّ إِنَّ الْقَوْمَ اسْتَضْعَفُوْنِيْ وَكاَدُوْا يَقْتُلُوْنَنِيْ .  

ท่านอาลีไปที่หลุมศพท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) ร่ำไห้แล้วร้องตะโกนว่า โอ้ลูกของแม่ ! แท้จริงคนกลุ่มนี้ได้ทำให้ฉันเป็นผู้อ่อนแอและพวกเขาเกือบจะฆ่าฉันแล้ว
 
فَقاَلَ عُمَرُ لِأَبِيْ بَكْرٍ رضي الله عنهما، اِنْطَلِقْ بِناَ إِلىَ فاَطِمَةَ، فَإِناَّ قَدْ أَغْضَبْناَهاَ، فَانْطَلَقاَ جَمِيْعاً،

(หลังเหตุการณ์คราวนั้นผ่านไป) ท่านอุมัรได้พูดกับท่านอบูบักรว่า จงไปหานางฟาติมะฮ์กับเราเถิด เพราะเราได้ทำให้นางโกรธ แล้วทั้งสองได้ไปพร้อมกัน

فَاسْتَأْذَناَّ عَلَى فاَطِمَةَ، فَلَمْ تَأْذِنْ لَهُماَ، فَأَتِياَ عَلِياًّ فَكَلَّماَهُ، فَأَدْخَلَهُماَ عَلَيْهاَ، فَلَماَّ قَعَداَ عِنْدَهاَ، حَوَّلَتْ وَجْهَهاَ إِلىَ الْحاَئِطِ، فَسَلَّماَ عَلَيْهاَ، فَلَمْ تَرُدَّ عَلَيْهِماَ السَّلاَمُ،

เรา(ท่านอุมัรกับอบูบักร)ได้ขออนุญาตต่อนางฟาติมะฮ์(เข้าพบ)แต่นางไม่ยินยอมให้ทั้งสอง(พบ) ทั้งสองจึงมาที่ท่านอาลีแล้วได้เจรจากับเขา ฉะนั้นท่านอาลีจึงนำทั้งสองเข้ามาหานาง เมื่อทั้งสองนั่งลงต่อหน้านาง  นางได้ผินหน้าไปที่ฝาผนัง ทั้งสองให้สลามแก่นาง แต่นางไม่ยอมตอบรับสลามต่อทั้งสอง

فَتَكَلَّمَ أَبُوْ بَكْرٍ فَقاَلَ : ياَ حَبِيْبَةَ رَسُوْلِ اللهِ وَاللهِ إِنَّ قَراَبَةَ رَسُوْلِ اللهِ أَحَبُّ إِلَىَّ مِنْ قَرَابَتِيْ، وَإِنَّكِ لَأَحَبُّ إِلَيَّ مِنْ عاَئِشَةَ ابْنَتِيْ، وَلَوَدَدْتُ يَوْمَ ماَتَ أَبُوْكِ أَنِّيْ مُتُّ، وَلاَ أَبْقَى بَعْدَهُ،

ท่านอบูบักรได้พูดว่า  โอ้ผู้เป็นที่รักของท่านรอซูลุลลอฮ์  ฉันขอสาบานว่า  ครอบครัวของท่านรอซูลฯนั้นเป็นที่รักของฉันยิ่งกว่าครอบครัวของฉันเองเสียอีก  และเธอนั้นเป็นที่รักของฉันยิ่งกว่าอาอิชะฮ์ลูกสาวของฉันเสียอีก และในวันที่บิดาเธอจากไปนั้นฉันอยากให้เป็นตัวฉันตาย(แทนด้วยซ้ำ)

أَفَتَرَانِيْ أَعْرِفُكِ وَأَعْرِفُ فَضْلَكِ وَشَرَفَكِ وَأَمْنِعُكِ حَقَّكِ وَمِيْرَاثِك مِنْ رَسُوْلِ اللهِ إِلاَّ أَنِّيْ سَمِعْتُ أَباَكِ رَسُوْلَ اللهِ صلى الله عليه وسلم يَقُوْلُ : لاَ نُوْرِثُ، ماَ تَرَكْناَ فَهُوَ صَدَقَةٌ،
เธอเห็นฉันไหมว่า ฉันรู้จักเธอ รู้จักความสูงส่งและเกียรติตระกูลของเธอ และที่ฉันหักห้ามมิยอมมอบสิทธิของเธอและมรดกของเธอที่มาจากท่านรอซูลุลลอฮ์นั้นมิใช่สิ่งใดเลย นอกจากฉันได้ยินบิดาของเธอคือท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า

 " เรา(บรรดานบี)ไม่มีมรดก สิ่งที่เราทิ้งไว้มันคือทานซอดะเกาะฮ์ "


فَقاَلَتْ : أَرَأَيْتُكُماَ إِنْ حَدَّثْتُكُماَ حَدِيْثاً عَنْ رَسُوْلِ اللهِ صلى الله عليه وسلم تَعْرِفاَنَهُ وَتَفْعَلاَنَ بِهِ ؟  قاَلاَ : نَعَمْ .

นาง(ฟาติมะฮ์จึง)กล่าวว่า ฉันจะให้ท่านทั้งสองเห็น หากฉันได้เล่าฮะดีษบทหนึ่งที่มาจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) ซึ่งท่านทั้งสองรู้จักมันดี และท่านทั้งสองจะปฏิบัติตามมันไหม ?  ทั้งสองตอบว่า แน่นอน

فَقاَلَتْ : نَشَدْتُكُماَ اللهَ أَلَمْ تَسْمَعاَ رَسُوْلَ اللهِ يَقُوْلُ: رِضاَ فاَطِمَةَ مِنْ رِضاَيَ، وَسَخْطُ فاَطِمَةَ مِنْ سَخَطِيْ، فَمَنْ أَحَبَّ فاَطِمَةَ ابْنَتِيْ فَقَدْ أَحَبَّنِيْ، وَمَنْ أَرْضَى فاَطِمَةَ فَقَدْ أَرْضاَنِيْ، وَمَنْ أَسْخَطَ فاَطِمَةَ فَقَدْ أَسْخَطَنِيْ ؟

นาง(ฟาติมะฮ์)กล่าวว่า  ฉันขอให้อัลลอฮ์ทรงเป็นพยานต่อท่านทั้งสองด้วยเถิด พวกท่านทั้งสองไม่เคยได้ยิน

ท่านรอซูลุลลอฮ์กล่าวว่า  

" ความพึงพอใจของฟาติมะฮ์คือส่วนหนึ่งจากความพึงพอใจของฉัน  และความโกรธของฟาติมะฮ์คือส่วนหนึ่งจากความโกรธของฉัน ดังนั้นผู้ใดรักฟาติมะฮ์บุตรสาวของฉันเท่ากับเขารักฉัน และผู้ใดทำให้ฟาติมะฮ์พึงพอใจเท่ากับเขาได้ทำให้ฉันพึงพอใจ และผู้ใดทำให้ฟาติมะฮ์โกรธเท่ากับเขาได้ทำให้ฉันโกรธ " หรือไม่ ?


قاَلاَ نَعَمْ سَمِعْناَهُ مِنْ رَسُوْلِ اللِه صلى الله عليه وسلم،  قاَلَتْ: فَإِنِّيْ أُشْهِدُ اللهَ وَمَلاَئِكَتَهُ أَنَّكُماَ أَسْخَطْتُماَنِيْ وَماَ أَرْضَيْتُماَنِيْ، وَلَئِنْ لَقِيْتُ النَّبِيَّ لَأَشْكُوَنَّكُماَ إِلَيْهِ،  

ทั้งสองได้กล่าวว่า  ใช่แล้ว เราได้ยินฮะดีษนี้มาจากท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ) นางกล่าวว่า ฉันขอให้อัลลอฮ์ทรงเป็นพยานและมวลมลาอิกะฮ์ของพระองค์ด้วย  แท้จริงท่านทั้งสองได้ทำให้ฉันโกรธและมิได้ทำให้ฉันพอใจ และหากฉันได้พบกับท่านนะบี(ศ) ฉันจะฟ้องร้องต่อท่านอย่างแน่นอน

فَقاَلَ أَبُوْ بَكْرٍ أَناَ عاَئِذٌ باِللهِ تَعاَلىَ مِنْ سَخَطِهِ وَسَخَطِكِ ياَ فاَطِمَةَ ، ثُمَّ انْتَحَبَ أَبُوْ بَكْرٍ يَبْكِيْ، حَتَّى كاَدَتْ نَفْسُهُ أَن تَزْهَقُ،

ท่านอะบูบักรกล่าวว่า  ฉันขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ตะอาลาให้พ้นจากความพิโรธของพระองค์และความโกรธของนาง โอ้ฟาติมะฮ์  จากนั้นท่านอะบูบักรได้ร้องไห้คร่ำครวญจนตัวเขาแทบสลาย

وَهِيَ تَقُوْلُ : وَاللهِ لَأَدْعُوَنَّ اللهَ عَلَيْكَ فِيْ كُلِّ صَلاَةٍ أُصَلِّيْهاَ، ثُمَّ خَرَجَ باَكِياً فَاجْتَمَعَ إِلَيْهِ الناَّسُ،

นาง(ฟาติมะฮ์)จึงกล่าวว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮ์  ฉันจะขอให้อัลลอฮ์ทรงสาปแช่งท่านทุกเวลานมาซที่ฉันทำอย่างแน่นอน  จากนั้นเขา(อะบูบักร)ได้เดินออกมาในสภาพร้องไห้  แล้วประชาชนได้มาชุมนุมยังเขา

فَقاَلَ لَهُمْ : يَبِيْتُ كُلُّ رَجُلٍ مِنْكُمْ مُعاَنِقاً حَلِيْلَتِهِ، مَسْرُوْراً بِأَهْلِهِ، وَتَرَكْتُمُوْنِيْ وَماَ أَناَ فِيْهِ، لاَ حاَجَةَ لِيْ فِيْ بَيْعَتِكُمْ، أَقِيْلُوْنِيْ بَيْعَتِيْ.  

เขา(อะบูบักร)ได้กล่าวกับพวกเขาว่า  ชายทุกคนจากในหมู่พวกท่านต่างนอนกอดภรรยาของเขาอย่างมีความสุขอยู่กับครอบครัวของเขา และพวกท่านได้ทอดทิ้งฉันไว้และฉันต้องอยู่ในสิ่งนั้น  ไม่มีความจำเป็นเลยสำหรับฉันในการให้บัยอัตของพวกท่าน พวกท่านจงช่วยฉันให้เป็นอิสระจากบัยอัตของฉันเถิด....................

قاَلُوْا: ياَ خَلِيْفَةَ رَسُوْلِ اللهِ، إِنَّ هَذاَ الْاَمْرَ لاَ يَسْتَقِيْمُ، وَأَنْتَ أَعْلَمُناَ بِذَلِكَ، إِنَّهُ إنْ كاَنَ هَذاَ لَمْ يَقُمْ لِلّهِ دِيْنٌ،
فَقاَلَ : وَاللهِ لَوْ لاَ ذَلِكَ وَماَ أَخاَفَهُ مِنْ رَخاَوَةِ هَذِهِ الْعُرْوَةِ ماَ بِتُّ لَيْلَةً وَلِىْ فِيْ عُنُقِ مُسْلِمٍ بَيْعَةً، بَعْدَماَ سَمِعْتُ وَرَأَيْتُ مِنْ فاَطِمَةَ.

قاَلَ : فَلَمْ يُباَيِعْ عَلِيٌّ كرم الله وجهه حَتَّى ماَتَتْ فاَطِمَةُ رضي الله عنهما، وَلَمْ تَمْكُثْ بَعْدَ أَبِيْهاَ إِلاَّ خَمْساً وَسَبْعِيْنَ لَيْلَةً
.
كتاب : الامامة والسياسة  لابن قتيبة الدينوري  ص 19 – 20

เขาเล่าว่า  ท่านอาลีมิยอมให้บัยอัต จนกระทั่งท่านหญิงฟาติมะฮ์(ร.ฎ.)เสียชีวิต นางมีชีวิตอยู่หลังจากบิดานาง(จากไป)ประมาณ 75 คืน


อ้างอิงจากหนังสือ  

อัลอิมามะฮ์ วัสซิยาซะฮ์ โดยอิบนุกุตัยบะฮ์ อัด-ดิยะนะวะรีย์  หน้า 19 - 20
  •  

38 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้