Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

มีนาคม 29, 2024, 05:16:40 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 2,522
  • หัวข้อทั้งหมด: 647
  • Online today: 104
  • Online ever: 104
  • (วันนี้ เวลา 02:09:38 หลังเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 88
Total: 88

วาฮาบีเท่านั้นที่เชื่อว่า อัลลอฮ์อยู่ในเมฆ

เริ่มโดย L-umar, มีนาคม 15, 2010, 01:44:36 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar

วาฮาบีเท่านั้นที่เชื่อว่า อัลลอฮ์อยู่ในเมฆ color]
   



เพราะมีหะดีษบันทึกไว้ดังนี้

حَدَّثَنَا يَزِيدُ بْنُ هَارُونَ أَخْبَرَنَا حَمَّادُ بْنُ سَلَمَةَ عَنْ يَعْلَى بْنِ عَطَاءٍ
عَنْ وَكِيعِ بْنِ عُدُسٍ عَنْ عَمِّهِ أَبِي رَزِينٍ(الْعُقَيْلِيِّ) قَالَ قُلْتُ : يَا رَسُولَ اللَّهِ أَيْنَ كَانَ رَبُّنَا عَزَّ وَجَلَّ قَبْلَ أَنْ يَخْلُقَ خَلْقَهُ ؟ قَالَ : كَانَ فِي عَمَاءٍ مَا تَحْتَهُ هَوَاءٌ وَمَا فَوْقَهُ هَوَاءٌ ثُمَّ خَلَقَ عَرْشَهُ عَلَى الْمَاءِ

จากวะเกี๊ยะอ์บินอุดุส จากลุงของเขาคือ

อะบีร่อซีนเล่าว่า  ฉันกล่าวว่า  :

โอ้ท่านรอซูลุลลอฮ์  เดิมนั้นพระเจ้าของพวกเรา(อัซซะวะญัล) อยู่ที่ไหนครับ ก่อนที่พระองค์จะสร้างมัคลู๊ก ?


ท่านรอซูล(ศ)ตอบว่า  : เดิมนั้นพระองค์ทรงอยู่ในเมฆหนา สิ่งที่อยู่ใต้เมฆนี้คือฮะวา(อากาศ)และสิ่งที่อยู่เหนือเมฆนี้คือฮะวา  ต่อมาพระองค์จึงสร้างอารัชของพระองค์ไว้บนน้ำ


ใครรายงานหะดีษนี้บ้าง ???

1.อิม่ามอะหมัด  ดูมุสนัดอะหมัด  หะดีษที่ 15599, 155601
2.อิบนุมาญะฮ์   ดูสุนันอิบนิมาญะฮ์  หะดีษที่  187
3.อัตติรมิซี       ดูสุนันติรมิซี  หะดีษที่  3394
4.อัตต็อบรอนี   ดูมุอ์ญัมกะบีร  หะดีษที่  468



Φ  อิบนุตัยมียะฮ์กล่าวว่า

وَقاَلَ لَهُ أَبُوْ رَزِينٍ الْعُقَيْلِيُّ : أَيْنَ كَانَ رَبُّنَا قَبْلَ أَنْ يَخْلُقَ خَلْقَهُ قَالَ كَانَ فِى عَمَاءٍ مَا تَحْتَهُ هَوَاءٌ وَمَا فَوْقَهُ هَوَاءٌ وَخَلَقَ عَرْشَهُ عَلَى الْمَاءِ
وَمَنْ نَفَى الْأَيْنَ عَنْهُ يَحْتاَجُ إِلَى أَنْ يَسْتَدِلَ عَلَى انْتِفَاءِ ذَلِكَ بِدَلِيْلٍ !!
الكتاب : الاستقامة  المؤلف : إبن تيمية الحراني  ص 126

อะบูร่อซีนอัลอุกัยลีได้ถาม(ท่านรอซูลว่า) :  เดิมนั้นพระเจ้าของพวกเราอยู่ที่ไหนครับ ก่อนที่พระองค์จะสร้างมัคลู๊ก ?  ท่านรอซูล(ศ)ตอบว่า  เดิมนั้นพระองค์ทรงอยู่ในเมฆหมอกอันหนาทึบ สิ่งที่อยู่ใต้หมอกควันนี้คือฮะวา(อากาศ)และสิ่งที่อยู่เหนือหมอกควันนี้คือฮะวา  ต่อมาพระองค์จึงสร้างอารัชของพระองค์ไว้บนน้ำ

(อิบนุตัยมียะฮ์กล่าวว่า ) ผู้ใดปฏิเสธคำว่า (( อยู่ที่ไหน  أَيْنَ )) ออกไปจากพระองค์ เขาก็จำเป็นจะต้องแสดงเหตุผลต่อการปฏิเสธสิ่งนั้นด้วยหลักฐาน


ดูหนังสืออัลอิสติกอมะฮ์ โดยอิบนุตัยมียะฮ์  หน้า 126  

เชควาฮาบี ชื่อนาซิรุดดีน อัลบานี ภาพ http://talal33.jeeran.com/t_2_albani.jpg
ได้กล่าวไว้ในเชิงอรรถของหนังสือมุคตะศ่อรุลอุลูว์  หะดีษที่ 193 , 250  ว่า

فَقاَلَ : الْعَماَءُ : السَّحاَبُ . قاَلَ الْعُلَماَءُ : هَذاَ مِنْ حَدِيْثِ الصِّفاَتِ، فَنُؤْمِنُ بِهِ مِنْ غَيْرِ تَأْوِيْلٍ وَلاَ تَشْبِيْهٍ، وَنَكِلُ عِلْمَهُ إِلَى عاَلِمِهِ

►อัลอะมาอุ  หมายถึง  เมฆ  ◄ บรรดาอุละมาอ์กล่าวว่า : นี่คือหนึ่งจากหะดีษเรื่องซิฟัต(ของอัลลอฮ์) ดังนั้นเราเชื่อศรัทธาต่อมันโดยจะไม่ทำการตะอ์วีลและตัชบี๊ห์ใดๆ และเราขอมอบหมายความรู้ของมันไปยังผู้รู้ของมัน


( صَحِيْحٌ ) أَبِي الْحَسَنِ الداَّرَقُطْنِيِّ حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ مَخْلَدٍ حَدَّثَنَا الْعَبَّاسُ الدُّورِىُّ سَمِعْتُ أَبَا عُبَيْدٍ وَذَكَرَ الْباَبَ الَّذِيْ يَرْوِى فِيْهِ حَدِيْثُ الرُّؤْيَةِ وَالْكُرْسِيِّ وَ مَوْضِعِ الْقَدَمَيْنِ وَضَحْكِ رَبِّناَ وَحَدِيْثُ أَيْنَ كاَنَ رَبُّناَ فَقاَلَ هَذِهِ أَحاَدِيْثُ صِحاَحٌ حَمَلَهاَ أَصْحاَبُ الْحَدِيْثِ وَالْفُقُهاَءِ بَعْضِهِمْ عَنْ بَعْضٍ وَهِيَ عِنْدَناَ حَقٌّ لاَ نَشُكُّ فِيْهاَ وَلَكِنْ إِذاَ قِيْلَ لَناَ كَيْفَ وَضَعَ قَدَمَهُ وَكَيْفَ يَضْحَكُ قَلْناَ لاَ نُفَسِّرُ هَذاَ وَلاَ سَمِعْناَ أَحَداً يُفَسِّرُهُ
الكتاب : مُخْتَصَرُ الْعُلُوِّ للعلي الغفار المؤلف : الحافظ الذهبي ج 1 ص 75
تحقيق : اختصره وحققه وعلق عليه وخرج أحاديثه محمد ناصر الدين الألباني

( หะดีษซอฮี๊ฮ์ )   อะบิลฮาซัน อัดดาร่อกุฏนี  มุฮัมมัด บินมัคลัดเล่าให้เราฟัง อัลอับบาส อัดดูรี เล่าให้เราฟัง ฉันได้ยินอะบาอุบัยดิน และเขาได้กล่าวถึงบาท(บท)ที่เขารายงานในบทนั้นถึง หะดีษเรื่องการเห็น(อัลลอฮ์)  กุรซี  สถานที่วางเท้าทั้งสอง การหัวเราะของพระเจ้าของเรา และ►หะดีษเดิมนั้นพระเจ้าของเราอยู่ที่ไหน◄  แล้วเขากล่าวว่า หะดีษเหล่านี้คือ☺หะดีษซอฮิ๊ฮ์☺ ที่บรรดาอัศฮาบหะดีษและฟุก่อฮาอ์บางส่วนในหมู่พวกเขาได้แบกรับมันเอาไว้  และตามทัศนะของเราถือว่า ฮั๊ก (ถูกต้อง) เราจะไม่ไปสงสัยในหะดีษเหล่านั้น แต่ถ้ามีคนถามกับเราว่า  พระเจ้าทรงวางเท้าของพระองค์อย่างไร ทรงหัวเราะอย่างไร  เราขอตอบว่า เราจะไม่อธิบายสิ่งนี้และเราไม่เคยได้ยินว่าใครสักคนหนึ่งทำการอธิบายมันด้วย
ดูหนังสือมุคตะศ่อรุลอุลูว์  สรุปย่อโดยอัลบานี  เล่ม 1 : 75
http://www.alkutubiyeen.net/image.php?object_type=product&image_id=617


۩ วิจารณ์หะดีษ  อัลลอฮ์อยู่ในเมฆ

1.แสดงว่า อัลลอฮ์ของวาฮาบี มุตะฮัยยิซ(ครอบครองเนื้อที่)กล่าวคือ อัลลอฮ์ของวาฮาบีมีสถานที่สำหรับพำนัก(นะอูซุลบิลลาฮ์ที่กล่าวเช่นนี้) ก่อนที่อัลลอฮ์จะสร้างมัคลู๊ก(สิ่งถูกสร้าง) พระเจ้าของวาฮาบีทรงอยู่ภายใต้ร่มเงาเมฆ

2.วาฮาบียังเชื่อว่า  หลังจากที่อัลลอฮ์ตะอาลาได้สร้างมัคลู๊ก(สิ่งถูกสร้าง)แล้ว พระองค์ทรงประทับอยู่เหนืออารัช(บัลลังก์)ของพระองค์ จนอารัชนั้นส่งเสียงร้องลั่นเนื่องจากความหนักของพระองค์  เหมือนสัตว์พาหนะที่ส่งเสียงร้องเพราะคนขี่มันนั้นหนักมากเกินไป

3.อัลลอฮ์ของวาฮาบี มีสถานที่พำนักหลากหลายตามพระราชหฤทัย  ท่านจะพบว่าบางครั้งหะดีษซุนนี่รายงานว่า
อัลลอฮ์อยู่ในเมฆ   อยู่บนอารัช  หรือบางครั้งเสด็จลงมาใต้อารัช  อยู่ตรงหน้าทิศกิบลัตของคนละหมาด และทรงอยู่ตรงกลางระหว่างคนละหมาดกับกิบลัต

4.นอกเหนือจากหะดีษเหล่านี้ ที่บอกเล่าให้เราทราบว่า  อัลลอฮ์ของวาฮาบีมีเรือนร่าง หรือมีลักษณะคล้ายคลึงกับมัคลู๊กแล้ว ก็ยังมีตำราหะดีษซุนนี่อีกส่วนหนึ่งที่ระบุถึงระยะทางที่ประทับระหว่างอัลลอฮ์ของวาฮาบีกับโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ว่ามีระยะทางอยู่ห่างกันเท่าไร

หะดีษเหล่านี้คงทำให้นักศึกษาศาสนาผู้มีวิจารณญาณอย่างลึกซึ้งจริงๆสามารถตัดสินตามหะดีษเนื้อหาหะดีษได้ว่า      พวกวาฮาบีเชื่อว่า  อัลลอฮ์ทรงพำนักอยู่ในสถานที่หนึ่ง  ทั้งๆที่อัลลอฮ์คือผู้สร้างสถานที่

ตำรามากมายของพวกเขาเล่าว่า  อัลลอฮ์ทรงประทับอยู่เหนืออารัช และความเชื่อนี้ยังสืบทอดมาถึงวาฮาบียุคปัจจุบัน.

5. หากว่า พระเจ้าของวาฮาบีถูกอากาศโอบอุ้มเอาไว้ (ตามหะดีษที่เล่าว่า พระองค์อยู่ในเมฆ ) เท่ากับพระเจ้าของวาฮาบีได้กลายเป็นผู้ครอบครองสถานที่หนึ่งๆและอยู่ในทิศหนึ่ง
ดังนั้นก็จำเป็นที่พระเจ้าของวาฮาบีจะต้องเป็นมัคลู๊ก(สิ่งถูกสร้าง)และฮาดิษ(สิ่งใหม่ไม่ใช่มีมาแต่ดั้งเดิม)  เพราะสติปัญญาได้ยืนยันว่า ทุกสิ่งที่ครอบครองสถานที่หรือตั้งอยู่ในทิศทางหนึ่งๆนั้น มันจำเป็นต้องพึ่งพาไปยังผู้ที่นำมันไปไว้ยังสถานที่นั้นๆหรือทิศนั้นๆ
ฉะนั้นตามที่กล่าวมานี้ย่อมแสดงว่า พระเจ้าของวาฮาบีเป็นสิ่งใหม่ เมื่อไม่ใช่สิ่งเก่าที่มีมาก่อนสรรพสิ่งทั้งหลายก็ย่อมเสมอเหมือนเท่าเทียมกับรูปเจว็ดทั้งหลายที่พวกมุชริกมักกะฮ์เคารพบูชากันในยุคญาฮิลียะฮ์


Θ ซุนนี่อะชาอิเราะฮ์กับอะกีดะฮ์เรื่อง พระเจ้าไม่อยู่ในสถานที่หนึ่งหรือทิศทางหนึ่ง

คุณ al-azhary หรืออาจารย์อารีฟีน  แสงวิมานกล่าวว่า

คำนิยามของ สถานที่(มะกาน)และทิศ(ญิฮะฮ์)
1. ท่านอัรรอฆิบ อัลอัศฟะฮานี ( 502 ฮ.ศ.) กล่าวไว้ ความว่า
\\\"มะกาน ตามทัศนะของนักปราชญ์ภาษาอาหรับนั้นคือ สถานที่ห้อมล้อมให้กับสิ่งหนึ่ง\\\" ดู หนังสือ อัลมุฟร่อด๊าต ฟี ฆ่อรีบุลกุรอาน หน้า 471
2.ท่านอัลฟัยรูซฺ อาบาดี (817 ฮ.ศ.) กล่าวว่า
\\\"มะกาน คือสถานที่ตั้งอยู่ พหูพจน์ คือ อัมกินะฮ์ และ อะมากิน\\\" ดู หนังสือ อัลกอมูส อัลมุฮีฏ หน้า 1594
3.ท่านอัลลามะฮ์ อัลบายาฏี อัลฮะนาฟี ( 1098 ฮ.ศ.) กล่าวว่า
\\\" มะกาน คือ ที่ว่างที่ร่างกายต้องการอยู่กับมัน\\\" ดู หนังสือ อิชาร๊อต อัลมะรอม หน้า 197
4. ท่านเชคยูซุฟ บินสะอีด อัลซิฟะตี กล่าวว่า
\\\"อะฮ์ลุสซุนนะฮ์กล่าวว่า มะกาน นั้นคือ ที่ว่างซึ่งสิ่งที่เป็นร่างกายอาศัยอยู่ในมัน\\\" ดู หนังสือ ฮาชียะฮ์ อัซซิฟะตี นะวากิฏ อัลวุฏุอ์ หน้า 27
5. ท่านซัยยิด มุรตะฏอ อัซซะบีดี กล่าวว่า
\\\"มะกาน ตามทัศนะของอุลามาอ์ภาษาอาหรับนั้นคือ สถานที่ห้อมล้อมให้กับสิ่งหนึ่ง\\\" ดู หนังสือ ตาญุล อุรูจญ์ เล่ม 9 หน้า 348
6. ท่านสะลามะฮ์ อัลกุฏออี อัลอัซซามี กล่าวว่า
\\\"มะกาน คือสถานที่ซึ่งมีมวลสารหนึ่งได้อยู่บนขนาดของมัน และทิศก็คือสถานที่ดังกล่าวนั้น\\\"  ดู ฟุรกอนุลกุรอาน (ตีพิมพ์พร้อมกันหนังสืออัลอัสมาอ์ วัศ-ศิฟาต ของท่านอัลบัยฮะกี หน้า 62
ดังนั้น การถ่ายทอดคำนิยามของสถานที่จากบรรดานักปราชญ์ภาษาอาหรับและบรรดานักวิชาการนั้น คือหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ท่านนะบี(ศ)และบรรดาซอฮาบะฮ์ของท่าน เชื่อและศรัทธาว่า อัลเลาะฮ์ ซุบหานะฮูวะตะอาลา ทรงมีโดยไม่มีสถานที่ พระองค์ทรงไม่อยู่บนบัลลังก์และไม่อยู่ในฟากฟ้าหรือบนฟากฟ้า เนื่องจากอัลกุรอานนั้นถูกประทานลงมาด้วยภาษาอาหรับ ดังที่อัลเลาะฮ์ตะอาลาตรัสว่า
\\\"ด้วยภาษาอาหรับอันชัดเจน\\\" ซูเราะฮ์อัชชุอะรออ์ : 195
ท่านนะบี(ศ)เป็นผู้ที่รู้ยิ่งเกี่ยวกับภาษาอาหรับ ดังนั้น สิ่งดังกล่าวจึงทำให้การยึดมั่นของพวกมุญัสสิมะฮ์ด้วยความหมายแบบผิวเผินของบางอายะฮ์และบรรดาหะดีษที่มีความหมายคลุมเคลือต้องโมฆะไป เพราะฉะนั้นบรรดาตัวอย่างนี้ จึงไม่ถูกเข้าใจแบบความหมายผิวเผิน ด้วยความเห็นพ้องของนักปราชญ์สะลัฟและคอลัฟ เนื่องจากพวกเขาศรัทธาว่า เป็นไปไม่ได้ที่อัลเลาะฮ์จะอยู่ในสถานที่
หลังจากที่กล่าวมาแล้วนี้ ก็ประจักษ์แก่ท่านผู้อ่านแล้วว่า อัลเลาะฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ไม่ได้อยู่ในสถานที่ใด  ไม่ว่าจะเป็นบรรดาสถานที่สูงหรือสถานที่ต่ำ หากไม่เป็นเช่นนั้น ก็แสดงว่า  สถานที่นั้นได้ห้อมล้อมอัลเลาะฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา และผู้ใดที่สถานที่ห้อมล้อมเขา แน่นอนว่า เขาต้องมีต้องขนาด และนี่ก็ย่อมเป็นหนึ่งจากบรรดาลักษณะของวัตถุและบรรดามัคลู๊ก การที่อัลเลาะฮ์ทรงมีคุณลักษณะหนึ่งด้วยคุณลักษณะของมนุษย์นั้น  ย่อมเป็นไปไม่ได้สำหรับอัลเลาะฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา
ดังนั้น ถือว่าเป็นความถูกต้องในการศรัทธาของอะฮ์ลุสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ที่เชื่อในความบริสุทธิ์ของอัลเลาะฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา จากสถานที่และทิศ
สำหรับเรื่องของทิศนั้น พวกมุญัสสิมะฮ์หรือวาฮาบียุคปัจจุบัน พยายามสร้างความสับสนให้กับผู้คนทั้งหลาย โดยพวกเขากล่าวว่า \\\"อัลเลาะฮ์ทรงมี อยู่ในทิศหนึ่งที่อยู่ไกลโพ้นจากโลกนี้ หรืออยู่นอกโลก ดังนั้น ก่อนที่เราจะชี้แจงข้อเท็จจริงกับสิ่งดังกล่าว เราก็ขอกล่าวถึงความหมายของคำว่า ทิศตามทัศนะของนักปราชญ์ภาษาอาหรับและบรรดานักปราชญ์พอสังเขป
8.บรรดาอุลามาอ์ได้ให้ความหมายของ \\\"ทิศ – ญิฮะฮ์ \\\" ว่า
\\\"แท้จริง ทิศ นั้น คือ บรรดาด้านต่างๆ ที่แผ่ไกลออกไปโพ้น\\\" ดู หนังสือ ตุสตูรุลอุลามาอ์ เล่ม 1 หน้า 288 ตีพิมพ์ ดารุลกุตุบอัลอิลมียะฮ์
9.ท่านอิบนุมันซูร กล่าวคำนิยามไว้ว่า
\\\"อัล-ญิฮะฮ์(ทิศ) และอัล-วิจญ์ฮะฮ์ ทั้งหมดนี้ คือ สถานที่ซึ่งท่านได้มุ่งหน้าไปยังมัน หรือมุ่งไปยังมัน\\\" ดู ลิซานุลอาหรับ เล่ม 13 หน้า 556
10.ท่านอัลฟัยรูซฺอาบาดี กล่าวว่า
\\\"อัล-ญะฮะฮ์(ทิศ) ก็คือ ด้านหนึ่ง พหูพจน์ คือ ญิฮ๊าต\\\" ดู อัล-กอมูส อัลมุฮีด หน้า 1620
ที่มา  
http://www.sunnahstudent.com/index.php?option=com_content&task=view&id=25&Itemid=1&limit=1&limitstart=1


۩  สรุปความได้ว่า  

[color=]X พวกวาฮาบีเชื่อว่า  
อัลลอฮ์ทรงอยู่ในสถานที่(มะกาน - place)หนึ่งจากสากลจักรวาล (cosmos)


√ ส่วนชีอะฮ์และอะชาอิเราะฮ์เชื่อว่า
อัลลอฮ์ไม่ได้อยู่ในสถานที่หนึ่งหรือทิศหนึ่งในสากลจักรวาล
เพราะสากลจักรวาลก็คือมัคลู๊กที่อัลลอฮ์สร้างมา
  •  

L-umar


เมื่อวาฮาบีพลาดท่า  บอกว่า  มีทิศ ( ญิฮะฮ์ ) ที่ไม่ใช่มัคลู๊ก



เชิญอ่านคำวิจารณ์เรื่องนี้ได้ที่หัวข้อ


ทิศที่เจ็ดที่มีให้กับอัลเลาะฮ์ของอะกีดะฮ์วะฮาบีย์

ซึ่งอาจารย์อารีฟีน แสงวิมาน(อะชาอิเราะฮ์) ได้ทำการวิจารณ์เชคริฎอ สะมะดี (วาฮาบี)


ที่เวบอะชาอิเราะฮ์  

http://www.sunnahstudent.com/forum/index.php?topic=127.0
  •  

L-umar

คุณอัซฮะรี ฝ่ายอะชาอิเราะฮ์กล่าวว่า


ผมได้อ่าน คำตอบ เรื่องอะกีดะฮ์ ของ ริฏอ สะมะดี ซึ่งคิดว่าจำเป็นต้องนำมาชี้แจงข้อเท็จจริง  เนื่องจากคนเอาวามบางท่านอาจจะมีความเข้าใจไม่ลึกซึ้งเกี่ยวกับกรณีนี้  จนทำให้หลงทางออกจากอะกีดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ที่ชนส่วนมากยึดถือได้ครับ  

ตัวบทคำถาม

1015 คำถาม : ผมอยากทราบจุดยืนของท่านช้ยคฺ เกี่ยวกับเรื่องการมีทิศสำหรับอัลเลาะฮฺครับ

คำตอบ

อัสสลามุอะลัยกุม วะเราะหฺมะตุ้ลลอฮฺ วะบะร่อกาตุฮฺ

การมีทิศ(อัลญิหะฮฺ) ขึ้นอยู่ว่าเราให้คำนิยามต่อคำว่า \\\"ทิศ\\\" อย่างไร ถ้าเราเข้าใจคำว่า \\\"ทิศ\\\" หมายถึง ส่วนที่ถูกสร้าง เช่น ทิศตะวันตก ทิศตะวันออก หรือเบื้องบน เบื้องล่าง ที่เป็นมัคลู้ก นั่นเป็นสิ่งที่อ้างถึงอัลลอฮฺมิได้ แต่ถ้าให้คำนิยามว่า \\\"ทิศ\\\" ที่ไม่ใช่มัคลู้ก คือ ทิศเบื้องบนสุดโลกจักรวาล อันเป็นทิศที่พระองค์ทรงอยู่ คือ \\\"อัลเฟากุ อัลมุฏละกุ\\\" หมายถึงทิศเบื้องบนที่ไร้ข้อจำกัด เพราะทิศที่เป็นมัคลู้กย่อมมีข้อจำกัด แต่ทิศเบื้องบนที่อัลลอฮฺทรงอยู่ไม่มีข้อจำกัด นี่คือทิศที่เราสามารถอ้างถึงอัลลอฮฺได้ และนี่คือสำนวนของอัลกุรอานหลายบท อาทิเช่น

يخافون ربهم من فوقهم
سبح اسم ربك الأعلى
الرحمن على العرش استوى
أأمنتم من في السماء
تعرج الملائكة والروح إليه

และหะดีษที่ท่านนบีได้ถามหญิงคนหนึ่งว่า พระเจ้าอยู่ไหน?

أين الله ؟ قالت في السماء ..

และหญิงคนนั้นได้ตอบว่า อยู่ในฟ้า และชี้ถึงท้องฟ้า(เบื้องบน)

ท่านอิมามอิบนุลก็อยยิม ในหนังสืออิจญฺติมาอุลญุยูชิลอิสลามียะฮฺ อะลาฆ็อสวิ อัลมุอัตติละติ วัลญะหฺมียะฮฺ ได้อ้างหลักฐานจำนวนพันหลักฐานว่า พระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงอยู่เบื้องบน และนั่นคืออะกีดะฮฺของท่านนบีและศ่อฮาบะฮฺ และบรรดาอุละมาอฺสี่มัซหับ และบรรดาอัสสะละฟุศศอลิหฺทั้งปวง

วัสสลามุอะลัยกุม วะเราะหฺมะตุ้ลลอฮฺ วะบะร่อกาตุฮฺ

ริฎอ อะหมัด สมะดี

5 ต.ค. 48

วิจารณ์


คำถามสำหรับวาฮาบี

หากจะเสวนาวิจารณ์ หลักอะกีดะฮ์ที่ ริฏอ ให้การนับถือ อยู่นี้  มันอาจจะกว้างเกินไป   งั้นผมขอ  จำกัดประเด็นในการเสวนาดังนี้ครับ  

1. ริฏอ กล่าวว่า  \\\"แต่ถ้าให้คำนิยามว่า \\\"ทิศ\\\" ที่ไม่ใช่มัคลู้ก\\\"      ผมไม่ทราบว่าริฏอ เอาหลักการ  ที่ว่า มีทิศที่ไม่ใช่มัคโลคมาจากใหน? ทิศที่ไม่ใช่มัคโลคคือ \\\"ทิศที่ไม่ถูกสร้างมันขึ้นมา\\\"  สะลัฟท่านใดบ้างหรือที่กล่าวว่า  มีทิศที่ไม่ใช่มัคโลค  ซึ่งทิศที่ไม่ใช่มัคโลค นั้น ย่อมหมายถึง  ทิศที่มีมาตั้งแต่เดิม(ก่อดีม) โดยไม่มีจุดเริ่มต้น  และไม่ถูกสร้างมันขึ้นมา  เนื่องจากริฏอ บอกว่า มันเป็นทิศที่ไม่ใช่มัคโลค  

2. ริฏออ้างหะดิษที่ว่า \\\"และหญิงคนนั้นได้ตอบว่า อยู่ในฟ้า และชี้ถึงท้องฟ้า(เบื้องบน)\\\"   จากตรงนี้  ริฏอ ให้คำว่า \\\"อัลเลาะฮ์อยู่ในฟ้า\\\" หรือ \\\"ในท้องฟ้า(เบื้องบน)\\\"  ก็แสดงว่าอัลเลาะฮ์ ตะอาลา อยู่ในมัคโลค  ที่ชื่อว่า \\\"(ท้อง)ฟ้า\\\"  แบบนี้ถือเป็นการยืนยันว่า อัลเลาะฮ์อยู่ในมัคโลค  

3. ริฏอแอบอ้างว่า \\\"ท่านอิมามอิบนุลก็อยยิม ในหนังสืออิจญฺติมาอุลญุยูชิลอิสลามียะฮฺ อะลาฆ็อสวิ อัลมุอัตติละติ วัลญะหฺมียะฮฺ ได้อ้างหลักฐานจำนวนพันหลักฐาน\\\"  ผมมีหนังสือที่ ริฏอ กล่าวอ้าง  และผมก็ไม่ทราบว่า  หลักฐาน  ที่ริฏอว่ามีเป็นพันนั้น  มันหลักฐานอะไรกัน ?  พูดเพื่อสร้างภาพให้คนไม่รู้  เชื่อหรือเปล่า?
  •  

L-umar

[b  

สามประเด็นเท่านั้นครับ  ที่ผมต้องการเสวนาวิจารณ์   เพื่อไม่ให้เนื้อเรื่องของกระทู้แตกประเด็นออกไป    และหากผู้ใดไม่เสวนาตามเงื่อนไขที่ทางเราได้วางไว้นั้น  เราจะมีมาตรการตามความเหมาะสม  อินชาอัลเลาะฮ์[/b]
  •  

L-umar

จาก คำพูดของ อ.ริฏอ  

เราจะพบว่า เขาได้รับอิทธิพลมาจาก ท่านอัลบานีย์ (ร.ฮ.) ที่กล่าวว่า อัลเลาะฮ์ทรงมีอยู่ในสถานที่ในเชิงไม่มี المكان العدمى  ซึ่งเป็นสถานที่ที่แตกต่างจากสถานที่ที่มัคโลคอาศัยอยู่  المكان الوجودى

ดังกล่าวก็เพราะว่า  พวกเขาพยายามเชื่อและยึดว่า  อัลเลาะฮ์ มีสถานที่ المكان และเมื่อถูกบรรดามุสลิมแนวทางอื่นท้วงติงว่า หากอัลเลาะฮ์ทรงมีสถานที่  ก็แสดงว่าพระองค์อยู่ในสถานที่เหมือนกับมัคโลค  หรืออยู่ในสถานที่ที่เป็นมัคโลค  

เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาจึงเลี่ยงประเด็น  โดยบอกว่า  อัลเลาะฮ์ทรงอยู่ในสถานที่ที่ไม่ใช่มัคโลก! อยู่ในทิศที่ไม่ใช่มัคโลค!  ทิศและสถานที่ที่ไม่ใช่มัคโลค  ก็คือ  ทิศและสถานที่ที่ไม่ถูกสร้างข้างขึ้นมา  
ท่านอัลบานีย์ กล่าวไว้ในหนังสือ มุคตะซ๊อร อัลอุลุว์ ในบทนำ ว่า

وإما أن يراد بالمكان أمر عدمى وهو ما وراء العالم من العلو ، فالله تعالى فوق العالم ، وليس فى مكان بالمعنى الوجودى ، كما كان قبل أن يخلق المخلوقات

\\\"บางครั้ง  จุดมุ่งหมายด้วยกับ สถานที่ นั้น เป็นสิ่งที่อยู่ในเชิงไม่มี  มันคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของโลกจากความสูง  ดังนั้น อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ทรงอยู่บนโลก(สูงจากโลก)  และพระองค์ไม่ใช่อยู่ในสถานที่ด้วยความหมายเชิงการมี(คือสถานที่ทั่ว ๆ ไปของมัคโลค) เหมือนกับที่พระองค์ทรงมีอยู่ก่อนที่จะสร้างบรรดามัคโลค\\\" ดู หน้า 71  ตีพิมพ์ ครั้งที่ 2 โดย มักตับ อัลอิสลามีย์

และกล่าวอีกว่า

فأعلم أن المراد به معناه العدمى ، يريدون به إثبات صفة العلو له تعالى

ดังนั้น ท่านพึงทราบว่า แท้จริง จุดมุ่งหมายด้วยกับสถานที่นั้น  คือความหมายของมัน(สถานที่)ในเชิงไม่มี ซึ่งพวกเขาได้มีจุดประสงค์ด้วยกับมัน(สถานที่ในเชิงไม่มี) เพื่อยืนยันคุณลักษณะการอยู่สูงให้กับองค์อัลเลาะฮ์ ตะอาลา\\\"  แหล่งอ้างอิงเดียวกันหน้า 71

คำกล่าวเช่นนี้ จึงเป็นสิ่งที่วะฮาบีย์พยายามอธิบายหลักการขึ้นมา  ซึ่งเป็นการอธิบายที่ไม่มีสะลัฟท่านได้พยายามจินตนาการ โดยมอบและยืนยันสถานที่ในเชิงไม่มีให้กับพระองค์อย่างนี้  มันเป็นเหตุผลในเชิงวิชากะลาม ที่พยายามนำมายืนยันหลักความเชื่อของตน

เนื่องจากคำว่า \\\"สถานที่เชิงไม่มี\\\" นั้น มาจากคำสองคำ คือ المكان + العدمى หรือ สถานที่ + ไม่มี  มันจึงเป็นเรื่องแปลกชอบกล  ที่บอกว่ามี \\\"สถานที่\\\" แต่จากนั้นบอกว่า \\\"เชิงไม่มี\\\"   ดังนั้น สถานดังกล่าวมันมีหรือเปล่า?? หรือว่า จิตนาการขึ้นมาเอง  แล้วบอกว่า อัลเลาะฮ์ในที่นั่นแหละ แล้วก็เจาะจงทิศให้กับพระองค์โดยบอกว่าทิศนั้นไม่ได้ถูกสร้าง  แล้วก็บอกอีกว่าสถานที่ที่พระองค์ทรงอยู่นั้นคือสถานที่ที่ไม่มี   การจินตการดังกล่าว  จึงดูค้านกันเองอย่างเห็นได้ชัด  เนื่องจากวะฮาบีพยายามจะกล่าวว่า \\\"อัลเลาะฮ์ทรงมีอยู่ที่นั่น คือ ในสถานที่ที่อยู่ในเชิงไม่มี ซึ่งอยู่ทิศบนฟ้า ที่ไม่ได้ถูกสร้างขึ้น(คือไม่เป็นมัคโลค) ??!!



ดังนั้น  สถานที่ที่ไม่ถูกสร้างขึ้นมา  มีอยู่สองกรณี  

1. ทิศและสถานที่นั้นดังกล่าวนั้น ไม่ถูกสร้างขึ้น  จึงไม่มี

2. ทิศและสถานที่ดังกล่าวนั้น  ไม่ถูกสร้างขึ้นมา เพราะมีอยู่มาตั้งแต่เดิมพร้อม ๆ กับพระองค์  ดังนั้น ทิศหรือสถานที่ดังกล่าว จึงก่อดีม(มีมาตั้งแต่เดิม)ที่อยู่พร้อมๆ กับพระองค์

ประเด็นที่ 1 หากอัลเลาะฮ์อยู่ในทิศหรือสถานที่ที่ไม่ถูกสร้างขึ้นมาเพราะไม่เคยมีขึ้นมาก่อน  ก็แสดงว่า อัลเลาะฮ์อยู่ในสถานที่ที่ไม่มี  แล้วอัลเลาะฮ์มีหรือเปล่า? เพราะพระองค์อยู่ในสถานที่ที่ไม่มี   แต่ถ้าหากกล่าวตามอะกีดะฮ์ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ของชนส่วนมากอัลอะชาอิเราะฮ์ที่ว่า \\\"อัลเลาะฮ์ทรงมี แต่ทรงมีโดยไม่มีสถานที่ให้กับพระองค์\\\"  เท่านี้ก็จบ

ประเด็นที่ 2 หากทิศหรือสถานที่ที่ไม่ถูกสร้างขึ้นนั้น เพราะมีมาตั้งแต่เดิม(กอดีม) ก็แสดงว่า พระองค์ทรงอยู่พร้อมกับทิศและสถานที่ดังกล่าว(ในเชิงไม่มี)  นั่นก็แสดงว่า พระองค์ทรงมีมาแต่เดิมโดยมีอย่างอื่นอยู่ร่วมพร้อมกับพระองค์ด้วย  ดังนั้น  พระองค์จึงไม่ใช่  الأول  \\\"ทรงองค์แรกที่อยู่ก่อนทุก ๆ สิ่ง\\\"  และดังกล่าวย่อมอยู่ในความหมายของ \\\"ชิริก\\\" ในแง่หนึ่ง

ทั้งหมดนั้น คือปรัชญาของกลุ่มวะฮาบีย์ในการพรรณาคุณลักษณะการมีอยู่ของอัลเลาะฮ์  ซุบหานะฮุวะตะอาลา والعياذ بالله  
  •  

L-umar

อ้างจาก: al-azhary ที่ ม.ค. 02, 07, 02:01 am

ริฏอแอบอ้างว่า \\\"ท่านอิมามอิบนุลก็อยยิม ในหนังสืออิจญฺติมาอุลญุยูชิลอิสลามียะฮฺ อะลาฆ็อสวิ อัลมุอัตติละติ วัลญะหฺมียะฮฺ ได้อ้างหลักฐานจำนวนพันหลักฐาน......พระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงอยู่เบื้องบน และนั่นคืออะกีดะฮฺของท่านนบีและศ่อฮาบะฮฺ และบรรดาอุละมาอฺสี่มัซหับ และบรรดาอัสสะละฟุศศอลิหฺทั้งปวง\\\"  ผมมีหนังสือที่ ริฏอ กล่าวอ้าง  และผมก็ไม่ทราบว่า  หลักฐาน  ที่ริฏอว่ามีเป็นพันนั้น  มันหลักฐานอะไรกัน ?  พูดเพื่อสร้างภาพให้คนไม่รู้  เชื่อหรือเปล่า?



คำว่า\\\"อัลเลาะฮ์อยู่เบื้องบน\\\"    ตามทัศนะจากการจินตนาการของวะฮาบีย์ ที่ อ.ริฏอ นำมาเผยแพร่นั้น คือ \\\"อัลเลาะฮ์ทรงมีอยู่ ณ สถานที่และทิศในเชิงไม่มี\\\"ตามที่ผมได้ชี้แจงไปแล้วข้างต้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขายังแอบอ้างว่า  มันเป็นอะกีดะฮ์ ของบรรดาอุลามาอ์มัซฮับทั้งสี่   ซึ่งเป็นการแอบอ้างที่ตักลีดตามเขามาอีกทีหนึ่ง  โดยไม่ทราบข้อเท็จจริงจากสิ่งที่เขาได้ตักลีดมา

หากเรากลับดูหนังสือ อิจญฺติมาอุลญุยูชิลอิสลามียะฮฺ อะลาฆ็อสวิ อัลมุอัตติละติ วัลญะหฺมียะฮฺ  ของท่านอิบนุก๊อยยิม  ที่ อ.ริฏอ  อ้างมานั้น  เราจะพบว่า  ท่านอิบนุก๊อยยิม  ได้อ้างทัศนะของอิมามชาฟิอีย์  เพื่อสนับสนุนอะกีดะฮ์ของตน ดังนี้

قال ابن الإمام عبد الرحمن بن أبى حاتم الرازى ، حدثنا أبو شعيب وأبو ثور عن أبي عبد الله بن إدريس الشافعى رحمه الله تعالى قال : القول في السنة التي أنا عليها ورأيت أصحابنا عليها أهل الحديث الذين رأيتهم وأخذت عنهم مثل سفيان ومالك وغيرهما الإقرار بشهادة أن لا إله إلا الله وأن محمدا رسول الله وأن الله تعالى على عرشه في سمائه يقرب من خلقه كيف شاء  
   
ท่านอิบนุ อบี หาติม อัรรอซีย์ กล่าวว่า  เราได้ให้เราทราบ โดย อบูชุอัยบ์ และอบูษูร จากท่าน อิมามชาฟิอีย์ (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์) ซึ่งท่านได้กล่าวว่า \\\"การแสดงทัศนะเกี่ยวกับสุนนะฮ ที่ข้าพเจ้าได้ยึดถืออยู่ และข้าพเจ้าได้เห็นสหายของเราที่เป็นนักหะดิษ ที่ข้าพเจ้าพบเห็นมา ได้ยึดถือมัน และข้าพเจ้าได้เอามันจากพวกเขา เช่น ซูฟยาน มาลิก และอื่นจากทั้งสองนั้น คือ การยอมรับว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากอัลลอฮ และ แท้จริงมุหัมหมัด เป็นศาสนทูต ของอัลลอฮ (ซ.บ) ทรงอยู่บนบัลลังค์ บนฟากฟ้า ของพระองค์ ทรงใกล้ชิดมัคลูคของพระองค์ ตามที่ทรงพระประสงค์...\\\"  ดู  อิจญมาอ์ อัลญุยูชฯ หน้า 97 ตีพิมพ์ อัตเตาฟีกียะฮ์

ขณะที่อิมาม อัซซะฮะบีย์ อายุ เพียง 18 ปี  ท่านได้กล่าวรายงาน ไว้ใหนหนังสือ  อัลอุลุว์  ตัวบทที่ 408  ว่า

روى شيخ الإسلام أبو الحسن الهكارى ، والحافظ أبو محمد المقدسى بإسنادهم إلى أبي ثور وأبي شعيب كلاهما عن الإمام محمد بن ادريس الشافعى ناصر الحديث رحمه الله قال : القول في السنة التي أنا عليها ورأيت أصحابنا عليها أهل الحديث الذين رأيتهم وأخذت عنهم مثل سفيان ومالك وغيرهما الإقرار بشهادة أن لا إله إلا الله وأن محمدا رسول الله وأن الله تعالى على عرشه في سمائه يقرب من خلقه كيف شاء  

ท่านอิบนุ อบี หาติม อัรรอซีย์ กล่าวว่า  เราได้ให้เราทราบ โดย อบูชุอัยบ์ และอบูษูร จากท่าน อิมามชาฟิอีย์ (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์) ซึ่งท่านได้กล่าวว่า \\\"การแสดงทัศนะเกี่ยวกับสุนนะฮ ที่ข้าพเจ้าได้ยึดถืออยู่ และข้าพเจ้าได้เห็นสหายของเราที่เป็นนักหะดิษ ที่ข้าพเจ้าพบเห็นมา ได้ยึดถือมัน และข้าพเจ้าได้เอามันจากพวกเขา เช่น ซูฟยาน มาลิก และอื่นจากทั้งสองนั้น คือ การยอมรับว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใด นอกจากอัลลอฮ และ แท้จริงมุหัมหมัด เป็นศาสนทูต ของอัลลอฮ (ซ.บ) ทรงอยู่บนบัลลังค์ บนฟากฟ้า ของพระองค์ ทรงใกล้ชิดมัคลูคของพระองค์ ตามที่ทรงพระประสงค์...\\\" ดู เพิ่มเติมจากหนังสือ มุคตะซ๊อร อัลอุลุว์ หน้า 176

วิจารณ์สายรายงาน

เป็นที่ทราบดีว่า ท่านอิบนุก๊อยยิม อยู่คนละสมัยกับ  ท่านอิบนุอบีหาติม  ดังนั้น  การที่ท่านอิบนุก๊อยยิมจะกล่าวอ้างไปยังท่านอิบนุหาติมนั้น ต้องมีสายรายงาน  แต่ท่านอิบนุก๊อยยิมไม่ได้กล่าวสายรายงานเอาไว้

แต่เมื่อเรามาดูหนังสืออัลอุลุว์ ของ ท่านอิมามอัซซะฮะบีย์  ซึ่งท่านได้กล่าวผู้รายงานไว้ครับ  คือ จากท่าน อัลฮักการีย์ และ ท่าน อบูมุฮัมมัด อัลมุก๊อดดิซีย์

1. อัลกะฮารีย์ الهكارى คนนี้ เป็นคนที่โกหกและกุหะดิษ ท่าน หาฟิซ อัซซะฮะบีย์ (ซึ่งเขาได้ล้มเลิกจากทัศนะที่ได้กล่าวเอาไว้ในหนังสือ อัลอุลุวฺ ในขณะที่ท่านเป็นหนุ่มอยู่) เมื่อท่านมีความอวุโส มีความมั่นคงในวิชาความรู้โดยการศึกษาจากอาจารณ์ท่านอื่นๆ ท่านได้กล่าวไว้ในหนังสือ มีซาน อัลเอี๊ยะติดาน ว่าเกี่ยวกับ อัลกะฮารีย์ ว่า \\\" อบูอัลกอซิม บิน อะซากิร กล่าวว่า อัลฮะการีย์นั้น ไม่เป็นผู้ที่ได้รับการเชื่อถือ และท่านอิบนุอันนัจญารกล่าวว่า อัลฮะการีย์นั้น ถูกกล่าวหาว่า ชอบกุฮะดิษ และประดิษฐ์สายรายงานขึ้นมา \\\" ดู มีซาน อัลเอี๊ยะติดาน ของท่าน อัซซะฮะบีย์ เล่ม 3 หน้า 112

2. อบูมุฮัมมัด อัลมุก๊อดดิซีย์ เขาผู้ที่เป็นผู้หนึ่งที่ อุลามาอฺได้หะลาลเลือดของเขา เนื่องจากเป็นพวกมุญัสสิมะฮฺ ดู หนังสือ อัซซัยล์ อะลา อัรเราฏ่อตัยน์ ของท่าน อบู ชามะฮฺ อัลมุก๊อดดิซีย์ หน้า 46 และอบูมุฮัมมัด อัลมุก๊อดดิซีย์นั้น ได้รายงานจาก อบู ชุอัยบฺ จากท่านอิมามอัชชาฟิอีย์ ซึ่งพวกอัลมุญัสสิมะฮฺได้อ้างว่า อบู ชุอัยบ์นี้ได้รายงานเกี่ยวกับอะกีดะฮฺของท่าน อิมามชาฟิอีย์ ทั้งที่ อบู ชุอัยบ์นี้ เกิด หลังจากอิมามชาฟิอีย์เสียชีวิตไปแล้ว ถึง สองปี ด้วยกัน ดู ตารีค อัลบุฆดาด เล่ม 9 หน้า 436 ของท่านคอฏีบ อัลบุฆดาดีย์

ดังนั้น  การกล่าวว่า  อะกีดะฮ์ที่วะฮาบีย์ยึดอยู่นั้น  เป็นอะกีดะฮ์ของอิมามชาฟิอีย์  ถือว่ามีสายรายงานที่กุเท็จต่ออิมามชาฟิอีย์

วัลลอฮุอะลัม
  •  

L-umar

ทิศแบบในเชิงไม่มี  แล้ว   ทิศมันมีหรือเปล่าล่ะเนี่ย  อ.ริดอ  ก็ตักลีดหลักการของ ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ นั่นแหละครับ  ไม่ใช่ตามซอฮาบะฮ์  อ.ริดอ มีอะกีดะฮ์บิดอะฮ์อย่างไม่ต้องสงสัย



มาสรุปตามที่เข้าใจ..

1. ทุกสิ่งต้องถูกสร้างด้วยพระองค์

2. ทิศทั้งหมดก็ต้องถูกสร้างด้วยพระองค์

3. ดังนั้นจึงไม่มีทิศใดที่ไม่ถูกสร้างจากพระองค์
  •  

L-umar

คุณอัซฮะรี กล่าวว่า

ริฏอ กล่าวว่า  \\\"แต่ถ้าให้คำนิยามว่า \\\"ทิศ\\\" ที่ไม่ใช่มัคลู้ก\\\"      ผมไม่ทราบว่าริฏอ เอาหลักการ  ที่ว่า มีทิศที่ไม่ใช่มัคโลคมาจากใหน? ทิศที่ไม่ใช่มัคโลคคือ \\\"ทิศที่ไม่ถูกสร้างมันขึ้นมา\\\"  สะลัฟท่านใดบ้างหรือที่กล่าวว่า  มีทิศที่ไม่ใช่มัคโลค  ซึ่งทิศที่ไม่ใช่มัคโลค นั้น ย่อมหมายถึง  ทิศที่มีมาตั้งแต่เดิม(ก่อดีม) โดยไม่มีจุดเริ่มต้น  และไม่ถูกสร้างมันขึ้นมา  เนื่องจากริฏอ บอกว่า มันเป็นทิศที่ไม่ใช่มัคโลค  

ดังนั้น อะกีดะฮ์ที่ ชัยค์ ริฏอ ยึดถืออยู่นี้  บิดอะฮ์และขัดกับอัลกุรอานครับ   พระองค์ทรงตรัสว่า

هُوَ الأََوَّلُ وَالآخِرُ وَالظَّاهِرُ وَالْبَاطِنُ

\\\"พระองค์ทรงเป็นองค์แรก  พระองค์ทรงเป็นองค์สุดท้าย  พระองค์ทรงเป็นภายนอก  และพระองค์ทรงเป็นภายใน\\\" (อัล-หะดีด 3)

หมายถึงพระองค์ทรงเป็นองค์แรกและทรงกอดีมมีมาตั้งแต่เดิมโดยไม่มีจุดเริ่มต้น  แต่ปรากฏว่าการเชื่อว่าพระองค์ทรงมีทิศที่กอดีม(ที่ไม่ใช่มัคโลค) นั้น  ย่อมชี้ให้เห็นว่า  อัลเลาฮฺทรงมีมาโดยอยู่พร้อมกับทิศของพระองค์   แบบนี้ไม่ถือว่าเป็นเตาฮีดแห่งการมีนะครับ  เพราะพระองค์ต้องเตาฮีด(เอกกะ)ในการเริ่มมีขึ้นมาด้วย เพราะพระองค์ทรงเป็นองค์หรือเป็นสิ่งแรกแห่งการมี
  •  

L-umar

คุณอัซฮะรีกล่าวว่า

ชัยค์ ริฏอ  พยายามบอกว่า  อัลเลาะฮ์ทรงมี \\\"ทิศที่ไม่ใช่มัคโลค\\\" (คือทัศนะที่มีมาพร้อมๆกับพระองค์อัลเลาะฮ์ที่ไม่ใช่มัคโลค) ซึ่งการอธิบายอะกีดะฮ์ความเชื่อเช่นนี้ถือว่าเป็นบิดอะฮ์และขัดกับหะดิษของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า

كان الله ولم يكن شيء غيره

\\\" พระองค์ทรงมีมาแล้ว  โดยที่ไม่มีสิ่งใดเลย  นอกจากพระองค์(เพียงองค์เดียว) \\\"  รายงานโดย  อัล-บุคอรีย์  ไว้ในซอเฮี๊ญะหฺของท่าน

หมายถึง  อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงยังคงมีมาตั้งแต่เดิมแล้ว  โดยที่ไม่มีสิ่งใดอยู่พร้อมกับพระองค์ ไม่มีทิศ (ไม่ว่าจะมัคโลคหรือไม่มัคโลคก็ตาม) ไม่มีน้ำ  ไม่มีอากาศ  ไม่มีผืนดิน  ไม่มีท้องฟ้า  ไม่มีกุรซีย์  ไม่มีอะรัช  ไม่มีมนุษย์  ไม่มีญิน  ไม่มีมะลาอิกะฮ์  ไม่มีเวลา  และไม่มีสถานที่  ดังนั้น  พระองค์ทรงยังคงมีมาแต่เดิมโดยไม่มีสถานที่   และมีมาก่อนที่จะมีสถานที่   แต่อัลเลาะฮ์ทรงสร้างสถานที่  ดังนั้น  พระองค์จึงไม่ทรงต้องการมัน
  •  

L-umar

หากเราเข้าใจตัวบทแบบคำตรงหรือคำแท้ (ฮะกีกัต) มันก็ออกมาให้เห็นแบบรูปนี้แหละครับ  แต่ถ้าหากเราทำการมอบหมายหรือตีความถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์  ภาพมันก็ไม่มีทางจะออกมาแบบนี้ได้อย่างแน่นอนครับ    

พระองค์ทรงตรัสว่า

هُوَ الأََوَّلُ وَالآخِرُ وَالظَّاهِرُ وَالْبَاطِنُ

\\\"พระองค์ทรงเป็นองค์แรก  พระองค์ทรงเป็นองค์สุดท้าย  พระองค์ทรงเป็นภายนอก  และพระองค์ทรงเป็นภายใน\\\" (อัล-หะดีด 3)

หมายถึงพระองค์ทรงเป็นองค์แรกและทรงกอดีมมีมาตั้งแต่เดิมโดยไม่มีจุดเริ่มต้น  แต่ปรากฏว่าการเชื่อว่าพระองค์ทรงมีทิศที่กอดีม(ที่ไม่ใช่มัคโลค) นั้น  ย่อมชี้ให้เห็นว่า  อัลเลาฮฺทรงมีมาโดยอยู่พร้อมกับทิศของพระองค์   แบบนี้ไม่ถือว่าเป็นเตาฮีดแห่งการมีนะครับ  เพราะพระองค์ต้องเตาฮีด(เอกกะ)ในการเริ่มมีขึ้นมาด้วย เพราะพระองค์ทรงเป็นองค์หรือเป็นสิ่งแรกแห่งการมี

ทั้งที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า

كان الله ولم يكن شيء غيره

\\\" พระองค์ทรงมีมาแล้ว  โดยที่ไม่มีสิ่งใดเลย  นอกจากพระองค์(เพียงองค์เดียว) \\\"  รายงานโดย  อัล-บุคอรีย์  

หมายถึง  อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงยังคงมีมาตั้งแต่เดิมแล้ว  โดยที่ไม่มีสิ่งใดอยู่พร้อมกับพระองค์ ไม่มีทิศ (ไม่ว่าจะมัคโลคหรือไม่มัคโลคก็ตาม) ไม่มีน้ำ  ไม่มีอากาศ  ไม่มีผืนดิน  ไม่มีท้องฟ้า  ไม่มีกุรซีย์  ไม่มีอะรัช  ไม่มีมนุษย์  ไม่มีญิน  ไม่มีมะลาอิกะฮ์  ไม่มีเวลา  และไม่มีสถานที่  ดังนั้น  พระองค์ทรงยังคงมีมาแต่เดิมโดยไม่มีสถานที่   และทรงมีมาก่อนที่จะมีสถานที่   และปัจจุบันพระองค์ยังคงมีุคุณลักษณะอย่างนั้นโดยไม่เปลี่ยนแปลง
  •  

L-umar


สรุป



และจนบัดนี้   ก็ยังไม่พบอาจารย์ดังของวาฮาบีจนลงไปถึงระดับเอาวามวาฮาบี  เข้าไปชี้แจงตอบโต้ให้ชัดเจนที่เวบนี้

http://www.sunnahstudent.com/forum/index.php?topic=127.60


ในกระทู้ชื่อ   ((  ทิศที่เจ็ดที่มีให้กับอัลเลาะฮ์ของอะกีดะฮ์วะฮาบีย์ ))    เลย


เพราะอะกีดะฮ์ของวาฮาบีที่ว่า   อัลเลาะฮ์ ตะอาลา ทรงมีสถานที่หรืออยู่ในทิศทางหนึ่งนั้น เป็นเพียงอะกีดะฮ์ของอิบนุตัยมียะฮ์ที่รับมาจากยิว


และเป็นอะกีดะฮ์ที่บาเต้ล (โมฆะ)นั่นเอง
  •  

L-umar

ทางออกของวาฮาบีที่ท่านจะเห็นได้เป็นปกติคือ  ใครเชื่อไม่เหมือนกับพวกข้าคนนั้นคือกาเฟ็ร



เชคอับดุลอะซีซ บินบาซ   ชัยคุลวาฮาบีได้ออกคำฟัตวาว่า

وَمْنْ قاَلَ بِأَنَّ اللهَ فِيْ كُلِّ مَكاَنٍ أَوْ لَيْسَ فِي الْعُلُوِّ فَهُوَ كاَفِرٌ،

บุคคลใดกล่าวว่า  อัลลอฮ์ทรงอยู่ในทุกสถานที่ หรือ(พูดว่า)พระองค์ไม่ได้อยู่ในที่สูง(คือบนฟ้า) เขาคนนั้นคือคนกาเฟ็ร

อ้างอิงจากเวบบินบาซ  (ดูตรงสามบรรทัดสุดท้ายของคำฟัตวาบินบาซ)
http://www.binbaz.org.sa/mat/10305


นั่นก็หมายความว่า  กลุ่มซุนนี่อะชาอิเราะฮ์เป็นกาเฟ็ร เพราะเชื่อไม่เหมือนวาฮาบี
  •  

L-umar



ดูเองเถิดพี่น้องมุสลิม


ขนาด   อะฮ์ลุสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ด้วยกันเอง   แค่ต่างอะกีดะฮ์ต่างมัซฮับ   ก็ฮุก่มกันแหลกลาน


แล้วมุสลิมทีอยู่ในมัซฮับอื่นจะรอดพ้นคำฟัตวามักง่ายของวาฮาบีพ้นได้อย่างไร


เพราะวาฮาบี   คือ  ลัทธิ  ตักฟีร  นั่นเอง  
  •  

88 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้