Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

มีนาคม 28, 2024, 05:59:13 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 2,517
  • หัวข้อทั้งหมด: 647
  • Online today: 70
  • Online ever: 70
  • (วันนี้ เวลา 05:38:43 หลังเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 55
Total: 55

คิลาฟะฮ์ อิมามะฮ์ เป็นปัญหาของอัลเลาะฮ์หรือมนุษย์

เริ่มโดย L-umar, ตุลาคม 16, 2009, 12:13:52 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar



เราไม่มีจุดประสงค์จะไปฮุก่ม(ตัดสิน) มุสลิมกลุ่มใดเป็นชาวนรกเหมือนที่พวกลัทธิตักฟีรวาฮาบียะฮ์กระทำ  


แต่เราต้องการให้ข้อคิดกับทุกท่านว่า  


มุสลิมกลุ่มใด  น่าจะเป็นกลุ่มปลอดภัยที่สุด  ที่เราควรดำเนินชีวิตตามพวกเขา  ???
  •  

L-umar


สมมุติว่า  ท่านอยู่ที่กรุงเทพมหานคร และต้องการเดินทางไปประเทศมาเลเซีย  

และท่านกำลังใช้ความคิดว่า ควรจะเดินทางไปให้ถึงที่นั่นอย่างปลอดภัยด้วยวิธีดีที่สุด เช่น

1.   ขึ้นเครื่องบินไป
2.   นั่งเรือไป
3.   นั่งรถบัสไป

ประการแรก ท่านต้องปรึกษากับผู้ชำนาญเส้นทาง

ประการสอง  ท่านต้องหาข้อมูลจากผู้ที่มีประสบการในการเดินทาง

ประการที่สาม   ท่านต้องกลั่นกรองถึงปลอดภัยเป็นประการสำคัญที่สุด



ถ้าเราไปถามชาวอะฮ์ลุสสุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ว่า

มุสลิมกลุ่มใด ที่ดูแล้วน่าจะปลอดภัยที่สุด  ???

เขาก็ให้คำตอบว่า  พวกเรานี่แหล่ะปลอดภัยที่สุด   เพราะพวกเราคือ  " อัลญะมาอะฮ์ "    และพวกเราทำตาม " ซอฮาบะฮ์ "    แถมยังยกหลักฐานให้ท่านดูอีกว่า

ท่านรอซูลุลเลาะฮ์(ศ)กล่าวว่า  :

« افْتَرَقَتِ الْيَهُودُ عَلَى إِحْدَى وَسَبْعِينَ فِرْقَةً فَوَاحِدَةٌ فِى الْجَنَّةِ وَسَبْعُونَ فِى النَّارِ وَافْتَرَقَتِ النَّصَارَى عَلَى ثِنْتَيْنِ وَسَبْعِينَ فِرْقَةً فَإِحْدَى وَسَبْعُونَ فِى النَّارِ وَوَاحِدَةٌ فِى الْجَنَّةِ وَالَّذِى نَفْسُ مُحَمَّدٍ بِيَدِهِ لَتَفْتَرِقَنَّ أُمَّتِى عَلَى ثَلاَثٍ وَسَبْعِينَ فِرْقَةً فَوَاحِدَةٌ فِى الْجَنَّةِ وَثِنْتَانِ وَسَبْعُونَ فِى النَّارِ ». قِيلَ يَا رَسُولَ اللَّهِ مَنْ هُمْ قَالَ « الْجَمَاعَةُ ».

พวกยะฮูดได้แตกออกเป็น 71 ฟิรเกาะฮ์ มีหนึ่งฟิรเกาะฮ์จะอยู่ในสวรรค์อีกเจ็ดสิบจะอยู่ในไฟนรก
และพวกนะศอรอได้แตกออกเป็น 72 ฟิรเกาะฮ์  มีหนึ่งฟิรเกาะฮ์จะอยู่ในสวรรค์อีกเจ็ดสิบเอ็ดจะอยู่ในไฟนรก
และขอสาบานต่อผู้ที่ชีวิตของมุหัมมัดอยู่ในอำนาจของพระองค์ว่า  แน่นอนอุมมะฮ์ของฉันจะแตกออกเป็น 73 ฟิรเกาะฮ์   มีหนึ่งฟิรเกาะฮ์จะอยู่ในสวรรค์อีกเจ็ดสิบสองจะอยู่ในไฟนรก
มีคนถามว่า โอ้ท่านรอซูลุลเลาะฮ์ พวกเขาคือใคร ?  ท่านกล่าวว่า คือ " อัลญะมาอะฮ์ "

สุนันอิบนุมาญะฮ์  หะดีษที่ 4127

ท่านรอซูลุลเลาะฮ์(ศ)กล่าวว่า  :

« وَإِنَّ بَنِى إِسْرَائِيلَ تَفَرَّقَتْ عَلَى ثِنْتَيْنِ وَسَبْعِينَ مِلَّةً وَتَفْتَرِقُ أُمَّتِى عَلَى ثَلاَثٍ وَسَبْعِينَ مِلَّةً كُلُّهُمْ فِى النَّارِ إِلاَّ مِلَّةً وَاحِدَةً قَالُوا وَمَنْ هِىَ يَا رَسُولَ اللَّهِ قَالَ مَا أَنَا عَلَيْهِ وَأَصْحَابِى ».

แท้จริงบนีอิสรออีลได้แตกออกเป็น 72 มิลละฮ์ และอุมมะฮ์ของฉํนจะแตกออกเป็น73 มิลละฮ์  พวกเขาทั้งหมดจะอยู่ในไฟนรก ยกเว้นหนึ่งมิลละฮ์  พวกเขากล่าวว่า และมิลละฮ์ที่ว่านั้นคือใคร โอ้ท่านรอซูลุลเลาะฮ์ ?   ท่านกล่าวว่า สิ่งที่ฉันและเศาะหาบะฮ์ของฉันดำรงอยู่

สุนัน อัต ติรมิซีย์  หะดีษที่ 2853


วิจารณ์

หะดีษสองบทข้างต้น เป็นตำราของฝ่ายอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ฯ  แน่นอนเขาต้องว่าของเขาถูกเป็นธรรมดา




ถ้าท่านไปถามฝ่ายชีอะฮ์บ้างว่า

มุสลิมกลุ่มใด ที่ดูแล้วน่าจะปลอดภัยที่สุด   ???

ชาวชีอะฮ์ก็จะตอบว่า  ก็เรานี่แหล่ะ คือกลุ่มที่ปลอดภัยที่สุด  ทำไม ?

เพราะมีรายงานจากอะฮ์ลุลบัยต์ว่า

عَنْ عَلِيٍّ عليه السلام قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلي الله عليه وآله وسلم سَتَفْتَرِقُ أُمَّتِي عَلَى ثَلَاثٍ وَ سَبْعِينَ فِرْقَةً فِرْقَةٌ مِنْهَا نَاجِيَةٌ وَ الْبَاقُونَ هَالِكُونَ وَ النَّاجُونَ الَّذِينَ يَتَمَسَّكُونَ بِوَلَايَتِكُمْ وَ يَقْتَبِسُونَ مِنْ عِلْمِكُمْ وَ لَا يَعْمَلُونَ بِرَأْيِهِمْ

ท่านอะลี บินอบีตอลิบ(อ)เล่าว่า :  ท่านรอซูลุลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุ อะลัยฮิวะอาลิฮีกล่าวว่า :  
(ในอนาคต)ประชาชาติของฉันจะแตกออกเป็น 73 กลุ่ม มีกลุ่มเดียวเท่านั้นที่รอด และที่เหลือจะเป็นผู้หายนะ
ส่วนพวกที่จะรอดคือ บรรดาผู้ที่ยึดอยู่กับอำนาจการปกครองของพวกเจ้า(หมายถึงท่านอะลีและอะฮ์ลุลบัยต์) และรับเอาความรู้มาจากพวกเจ้าและไม่ปฏิบัติสิ่งใด(ในศาสนา)ตามทัศนะของพวกเขาเอง

ดูหนังสือ

วะซาอิลุชชีอะฮ์  โดยอัลฮุรรุลอามิลี เล่ม 27 : 50  หะดีษ 33180




วิจารณ์
หะดีษข้างต้น เป็นตำราของฝ่ายชีอะฮ์  แน่นอนเขาต้องว่าของเขาถูกเป็นธรรมดา




สรุป

สิ่งที่ท่านพบในหะดีษของทั้งสองฝ่ายคือ  ทั้งสองฝ่ายล้วนเป็นอุมมะฮ์ของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)

เพราะท่านนบี(ศ)กล่าวว่า  อุมมะฮ์(ประชาชาติ)ของฉันจะแตกออกออกเป็น 73 กลุ่ม


มีต่อ...  
  •  

L-umar



ความแตกแยกในประชาชาติมุสลิมเกิดขึ้นเมื่อไร


ในสมัยที่ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)ยังมีชีวิตอยู่ คำพูดของท่านคือคำอธิบายอัลกุรอาน และท่านคือผู้ตัดสินทุกปัญหา ดังนั้นความขัดแย้งในหมู่ซอฮาบะฮ์จึงจบลงด้วยการชี้ขาดของท่าน
   
แต่หลังจากท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)วะฟาต บรรดาซอฮาบะฮ์มีความขัดแย้งกันในเรื่องผู้นำกล่าวคือพวกเขาได้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม :

กลุ่มหนึ่ง  
เลือกท่านอบูบักรขึ้นเป็นคอลีฟะฮ์  ปัจจุบันคนกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า อะฮ์ลุสซุนนะฮ์วัลญาอะฮ์  

กลุ่มที่สอง
ถือว่าท่านนบี(ศ)ได้แต่งตั้งท่านอะลีเป็นคอลีฟะฮ์ไว้แล้ว คนกลุ่มนี้ท่านนบีมุฮัมมัดตั้งชื่อให้ว่า ชีอะฮ์



คำถามที่สำคัญคือ


1.   อัลกุรอ่านและหะดีษได้ระบุเอาไว้หรือไม่ว่า   บุคคลใดไม่ยอมรับท่านอบูบักรเป็นคอลีฟะฮ์ต่อจากท่านนบี(ศ)   บุคคลนั้นเป็น " กาเฟ็ร "  

2.   อัลกุรอ่านและหะดีษได้ระบุเอาไว้หรือไม่ว่า   บุคคลใดไม่ยอมรับท่านอะลีเป็นคอลีฟะฮ์ต่อจากท่านนบี(ศ)   บุคคลนั้นเป็น " กาเฟ็ร "    

ถ้าฝ่ายใดพบหลักฐานดังกล่าวก็กรุณานำเสนอด้วยนะครับเช่น

ท่านรอซูล(ศ)กล่าวว่า   บุคคลใดไม่ยอมรับท่านอบูบักรเป็นคอลีฟะฮ์ต่อจากฉัน  
บุคคลนั้นเป็น " กาเฟ็ร "

แต่ถ้าไม่มีหลักฐานจากกิตาบ/ซุนนะฮ์ว่าไว้ดังตัวอย่าง   คำถามที่ตามมาคือ

1.   ตามทัศนะของอะฮ์ลุสสุนะฮ์ฯ  เรื่อง ผู้นำ เป็นเรื่อง  อุศูล หรือ ฟุรู๊อฺ  ?
2.   ทำไมอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ฯ จึงฮุก่มมุสลิมที่ไม่ยอมรับท่านอบูบักรเป็นคอลีฟะฮ์ว่า  กาเฟ็ร ?
3.   ถ้าเรื่องผู้นำมีความสำคัญสำหรับอะฮ์ลุสสุนนะฮ์ฯ แล้วทำไมท่านไม่มองว่า คนกลุ่มอื่นเขาก็ให้ความสำคัญต่อเรื่องผู้นำเช่นเดียวกับท่านล่ะ ?
  •  

L-umar


คำ  " เลือกตั้ง " กับ  " แต่งตั้ง "    แตกต่างกันอย่างไร ?


เลือกตั้งคือ ซอฮาบะฮ์ได้เลือกตั้งท่านอบูบักรเป็นคอลีฟะฮ์

แต่งตั้งคือ ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้แต่งตั้งท่านอะลีเป็นคอลีฟะฮ์    



คำถาม

ซอฮาบะฮ์มีสิทธิเลือกผู้นำเองได้หรือไม่ ?


ตอบ  ไม่มีสิทธิ

เพราะ อัลลอฮ์ตะอาลาตรัสว่า

 
وَمَا كَانَ لِمُؤْمِنٍ وَلَا مُؤْمِنَةٍ إِذَا قَضَى اللَّهُ وَرَسُولُهُ أَمْرًا أَن يَكُونَ لَهُمُ الْخِيَرَةُ مِنْ أَمْرِهِمْ وَمَن يَعْصِ اللَّهَ وَرَسُولَهُ فَقَدْ ضَلَّ ضَلَالًا مُّبِينًا

ไม่ใช่สิทธิสำหรับมุอ์มินทั้งชายและหญิง เมื่ออัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์ได้กำหนดตัดสินกิจการงานใด(ในเรื่องชะรีอะฮ์)ลงไปแล้ว พวกเขาจะเอามาเลือก(หรือพิจารณากันเองใน)กิจการของพวกเขา และบุคคลใดละเมิดฝ่าฝืน(คำสั่งของ)อัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์ แน่นอนเขาได้หลงทางแล้วอย่างชัดเจน    
ซูเราะฮ์อัลอะห์ซาบ : 36

โองการนี้ระบุชัดว่า

ซอฮาบะฮ์ ไม่มีสิทธิเลือกตั้งคอลีฟะฮ์กันเอง  ยกเว้นว่า  ถ้าท่านรอซูล(ศ)ไม่ได้แต่งตั้งท่านอะลีเอาไว้


ซึ่งเรานำเสนอหะดีษเศาะหิ๊หฺสองบทให้ท่านได้อ่านแล้วว่า  วันที่ 18เดือนซุลฮิจญะฮ์ ฮ.ศ.ที่ 10 ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)ได้ประกาศแต่งตั้งท่านอะลีเป็นคอลีฟะฮ์ต่อหน้าซอฮาบะฮ์ไว้ที่ เฆาะดีรคุม

แต่ปัญหาคือ
ฝ่ายซุนนี่ พยายามเลี่ยงว่าคำ " วะลี " และ " เมาลา " ในหะดีษดังกล่าวว่า คำทั้งสองนี้ ไม่ได้แปลว่า  " ผู้ปกครอง "    ซึ่งเราจะอธิบายอย่างละเอียดต่อไป อินชาอัลลอฮ์


ฝ่ายซุนนี่ยังถามอีกว่า

หากท่านรอซูล(ศ)ได้แต่งตั้งท่านอะลีเป็นคอลีฟะฮ์จริง


ทำไมจึงมีคนตามท่านอะลี " เพียงน้อยนิด "  



ตอบ :

ตามหลักอิสลาม จำนวนคนไม่ใช่บรรทัดฐานวัดความถูกต้องนะครับ  


เพราะอัลลอฮ์ตะอาลาตรัสว่า  :

-   وَلَكِنَّ أَكْثَرَهُمْ يَجْهَلُونَ
-   แต่ส่วนมากพวกเขาโง่เขลา  ( อัลอันอาม : 111)
-   أَكْثَرُهُمْ لَا يَعْقِلُونَ
-   ส่วนมากพวกเขาไม่ใช้ปัญญา ( อัลอันกะบูต : 63 )
-   وَلَكِنَّ أَكْثَرَهُمْ لَا يَعْلَمُونَ
-   แต่ส่วนมากพวกเขาไม่รู้ ( อัลอันอาม : 37 )
-   وَكَثِيرٌ مِنْهُمْ فَاسِقُونَ
-   ส่วนมากจากพวกเขาเป็นคนชั่วช้า (อัลหะดีด : 16,26,27)
-   وَلَقَدْ ذَرَأْنَا لِجَهَنَّمَ كَثِيرًا مِنَ الْجِنِّ وَالْإِنْسِ
-   และโดยแน่นอนเราได้บังเกิดสำหรับนรก ซึ่งมากมายจากญินและมนุษย์ (อัลอะอ์รอฟ :179 )
-   أَكْثَرَهُمْ لَفَاسِقِينَ
-   และแน่นอนเราได้พบว่าส่วนมากของพวกเขานั้นเป็นผู้ละเมิด (อัลอะอ์รอฟ : 102 )
-   وَإِنَّ كَثِيرًا مِنَ النَّاسِ عَنْ آَيَاتِنَا لَغَافِلُونَ
-   แท้จริงมนุษย์ส่วนใหญ่เฉยเมยต่อสัญญาณต่างๆของเรา (ยูนุส : 92 )


อัลลอฮ์ยกย่องคนกลุ่มน้อย :

-   وَقَلِيلٌ مِنْ عِبَادِيَ الشَّكُورُ
-   และส่วนน้อยจากปวงบ่าวของเราที่เป็นผู้ขอบคุณ (สะบะอ์ : 13 )
-   وَمَا آَمَنَ مَعَهُ إِلَّا قَلِيلٌ
-   แต่ไม่มีผู้ศรัทธาร่วมกับเขา นอกจากจำนวนน้อยนิด ( ฮูด : 40 )

คัมภีร์กุรอ่านเล่าว่า

อัลลอฮ์ตะอาลาทรงส่งบรรดานบีไปยังหมู่ชนต่างๆ มีคนจำนวนน้อยนิดที่ศรัทธาต่อบรรดานบี แต่ส่วนมากไม่เชื่อฟังบรรดานบี
  •  

L-umar


ในทางตรงกันข้าม

อัลลอฮ์ตะอาลา ทรงตำหนิการตามคนหมู่มาก  :


-   وَمَا يَتَّبِعُ أَكْثَرُهُمْ إِلَّا ظَنًّا إِنَّ الظَّنَّ لَا يُغْنِي مِنَ الْحَقِّ شَيْئًا إِنَّ اللَّهَ عَلِيمٌ بِمَا يَفْعَلُونَ
-   และส่วนใหญ่ของพวกเขามิได้ปฏิบัติตามสิ่งใด นอกจากการเดา แท้จริงการเดาเอานั้น ไม่อาจจะแทนความจริงได้แต่อย่างใด (ยูนุส : 36 )
-   وَإِنْ تُطِعْ أَكْثَرَ مَنْ فِي الْأَرْضِ يُضِلُّوكَ عَنْ سَبِيلِ اللَّهِ إِنْ يَتَّبِعُونَ إِلَّا الظَّنَّ وَإِنْ هُمْ إِلَّا يَخْرُصُونَ
-   และหากพวกเจ้าเชื่อฟังส่วนมากของผู้คนในแผ่นดินแล้ว พวกเขาก็จะทำให้เจ้าหลงออกจากหนทางของอัลลอฮ์ พวกเขาจะไม่ปฏิบัติตามนอกจากการเดาเอาเอง และพวกเขามิได้ตั้งอยู่บนสิ่งใด นอกจากการเดาคาดคะเนเท่านั้น (อัลอันอาม : 116 )
-   فَلَوْلَا كَانَ مِنَ الْقُرُونِ مِنْ قَبْلِكُمْ أُولُو بَقِيَّةٍ يَنْهَوْنَ عَنِ الْفَسَادِ فِي الْأَرْضِ إِلَّا قَلِيلًا مِمَّنْ أَنْجَيْنَا مِنْهُمْ
-   ไฉนกี่ชั่วคนแล้วก่อนหน้าพวกเจ้า จึงมิมีปัญญาชนห้ามปรามการก่อความเสียหายในแผ่นดิน  เว้นแต่จำนวนน้อยในหมู่พวกเขาเท่านั้นที่เราได้ช่วยให้รอด (ฮูด : 116 )



เพราะฉะนั้นขอให้เราอย่าได้นำประเด็น การตามคนหมู่มาก มาเป็นเหตุผลนะครับ

เพราะไม่ใช่หลักการที่อัลลอฮ์ตะอาลาวางเอาไว้สำหรับมุสลิม




หากฝ่ายซุนนี่ถามว่า  :

มีอัลกุรอานสักอายัตหนึ่งไหม  ที่อัลลอฮ์แต่งตั้งท่านอะลีเป็นคอลีฟะฮ์  ?


ชีอะฮ์ขอตอบว่า :  

แล้วมีอัลกุรอานสักหนึ่งอายัตไหม  ที่อัลลอฮ์แต่งตั้งท่านอบูบักรเป็นคอลีฟะฮ์ ?

ผลสรุปออกมาเหมือนกันคือ  ไม่มี



แต่ฝ่ายชีอะฮ์

มีหลักฐานที่เป็นอัสบาบุลนุซูลว่า  ซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์  อายะฮ์ที่   67  ถูกประทานลงมาเรื่องการแต่งตั้งท่านอะลีเป็นคอลีฟะฮ์
และซูเราะฮ์อัลมาอิดะฮ์  อายะฮ์ที่   3  ได้ลงกำกับปิดท้ายเรื่องการแต่งตั้งท่านอะลีจริง



 
  •  

L-umar


หลักฐานการแต่งตั้งท่านอบูบักรจากกิตาบและซุนนะฮ์นั้นไม่มีแน่นอน  เพราะ


1.   ฝ่ายซุนี่ยืนยันเองว่า นบีมุฮัมมัดวะฟาตโดยไม่ได้แต่งตั้งผู้ใดเป็นคอลีฟะฮ์

ดังนั้นถ้าใครยกกุรอ่านหรือฮะดีษมาอ้างสิทธิในการเป็นคอลีฟะฮ์ของท่านอบูบักรย่อมถือว่าโมฆะทั้งสิ้น

2.   ตำแหน่งคอลีฟะฮ์ของท่านอบูบักรได้จากการเลือกของซอฮาบะฮ์ที่สะกีฟะฮ์

3.   ตำแหน่งคอลีฟะฮ์ของท่านอุมัรได้จากท่านอบูบักรเป็นผู้แต่งตั้งเขา

4.   ตำแหน่งคอลีฟะฮ์ของท่านอุษมานได้จากคณะชูรอที่ท่านอุมัรจัดตั้งไว้ก่อนตาย
  •  

L-umar



วะซียะฮ์ ( คำสั่งเสีย )  ในทัศนะของอัลกุรอานและฮะดีษ  


อัลลอฮ์ตะอาลาตรัสว่า
   
كُتِبَ عَلَيْكُمْ إِذَا حَضَرَ أَحَدَكُمُ الْمَوْتُ إِن تَرَكَ خَيْرًا الْوَصِيَّةُ

ถูกกำหนดแก่พวกเจ้า เมื่อความตายได้มายังคนหนึ่งคนใดในพวกเจ้า ถ้าเขาทิ้งสมบัติ(ไว้)ให้ทำพินัยกรรมสั่งเสียไว้    


ซูเราะฮ์  อัลบะเกาะเราะฮ์ : 180

 
อัลลอฮ์ทรงรับสั่งกับมุสลิมว่า

ก่อนตายพวกเขาจะต้องสั่งเสียพินัยกรรมไว้ให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันมิให้ทายาทในครอบครัวต้องแตกแยกกันในเรื่องแบ่งมรดก


แล้วจะกินกับปัญญาหรือ

ที่อัลลอฮ์จะไม่ทรงรับสั่งให้ท่านรอซูล(ศ)สั่งเสียเรื่องผู้นำเอาไว้ก่อนท่านจะวะฟาต ?



สิ่งที่เราแปลกใจคือ
ทำไมฝ่ายซุนนี่ได้ยืนยันว่า ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)วะฟาตโดยไม่ได้สั่งเสียเรื่องคอลีฟะฮ์เอาไว้ ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับประชาชาติอิสลาม ?
  •  

L-umar



พินัยกรรมฉบับสำคัญของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ)คือ     หะดีษ  ษะเกาะลัยน์
  •  

L-umar



วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด(ศ)

   
ก่อนที่ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)จะอำลาจากโลกนี้ไป  ท่านได้ทำการสั่งเสียอุมมัตของท่าน

หลายครั้ง

หลายวาระ

หลายสถานที่


ว่าท่านได้มอบสิ่งมีค่ายิ่ง  และสำคัญมากไว้แก่ประชาชาติอิสลาม สองประการ  

ซึ่งท่านนบี(ศ)ได้ย้ำเสมอว่า

สองสิ่งอันมีค่านี้จะต้องอยู่คู่กันเสมอตราบถึงวันกิยามะฮ์  

หากมุสลิมคนใดยึดมั่น ปฏิบัติตามสองสิ่งอันมีค่านี้ไว้อย่างมั่นคง   ท่าน(ศ)ได้รับรองว่า  บุคคลนั้นจะไม่หลงทางอย่างเด็ดขาด ซึ่งนั่นหมายถึง เขาจะปลอดภัย  

สิ่งหนักสองประการที่ว่านั้นคือ

1.   คัมภีร์ของอัลลอฮ์   คืออัลกุรอาน

2.   อิตเราะฮ์  คืออะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบีมุฮัมมัด

เพื่อย้ำเตือนประชาชาติอิสลาม อันเป็นการสนองเจตนารมณ์ของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)ที่มีความห่วงใยต่อพวกเราทุกคน    

เราจะนำเสนอ



หะดีษ อัษ – ษะเกาะลัยนฺ   حديث الثقلين

และ

หะดีษ  มันกุนตุเมาฮุ  ฟะอะลียุน เมาลาฮู -   من كنت مولاه فعلي مولاه  




ให้ท่านได้ศึกษา เพื่อทราบว่า  แนวทางของอะฮ์ลุลบัยต์

คือแนวทางที่ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)ได้ให้การรับรองไว้อย่างแท้จริงและชัดเจน



ตัวอย่างหะดีษ  ษะก่อลัยน์


رِوَايَةُ زَيْدِ بْنِ أَرْقَمَ :

ثُمَّ قَالَ قَامَ رَسُولُ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- يَوْمًا فِينَا خَطِيبًا بِمَاءٍ يُدْعَى خُمًّا بَيْنَ مَكَّةَ وَالْمَدِينَةِ

 فَحَمِدَ اللَّهَ وَأَثْنَى عَلَيْهِ وَوَعَظَ وَذَكَّرَ ثُمَّ قَالَ

« أَمَّا بَعْدُ أَلاَ أَيُّهَا النَّاسُ فَإِنَّمَا أَنَا بَشَرٌ يُوشِكُ أَنْ يَأْتِىَ رَسُولُ رَبِّى فَأُجِيبَ

وَأَنَا تَارِكٌ فِيكُمْ ثَقَلَيْنِ أَوَّلُهُمَا كِتَابُ اللَّهِ فِيهِ الْهُدَى وَالنُّورُ فَخُذُوا بِكِتَابِ اللَّهِ وَاسْتَمْسِكُوا بِهِ ».

فَحَثَّ عَلَى كِتَابِ اللَّهِ وَرَغَّبَ فِيهِ ثُمَّ قَالَ

« وَأَهْلُ بَيْتِى أُذَكِّرُكُمُ اللَّهَ فِى أَهْلِ بَيْتِى أُذَكِّرُكُمُ اللَّهَ فِى أَهْلِ بَيْتِى أُذَكِّرُكُمُ اللَّهَ فِى أَهْلِ بَيْتِى »


เซด บิน อัรกอมเล่าว่า :

ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้ยืนปราศรัยในหมู่พวกเราวันหนึ่งที่แหล่งน้ำชื่อว่า (เฆาะดีร) คุม อยู่ระหว่างเมืองมักกะฮ์กับเมืองมะดีนะฮ์ ท่านได้สรรเสริญอัลลอฮ์ สดุดีพระองค์ และได้ตักเตือน ย้ำให้ระลึก จากนั้นท่านกล่าวว่า :

อัมมาบะอ์ดุ  พึงทราบเถิดท่านทั้งหลาย  อันที่จริงฉันเป็นมนุษย์คนหนึ่ง รอซูลแห่งพระผู้อภิบาลของฉัน(คือมลาอิกัลมูต)นั้นใกล้จะมา(รับชีวิตฉันไป)แล้ว และฉันก็ตอบรับแล้ว  

และฉันได้มอบสิ่งหนักสองสิ่งไว้ในหมู่พวกท่าน  

สิ่งแรกคือกิตาบุลเลาะฮ์(อัลกุรอาน)ในนั้นคือทางนำและแสงสว่าง  ดังนั้นพวกท่านจงจับคัมภีร์ของอัลลอฮ์ไว้ และจงยึดมันให้มั่น   แล้วท่านได้แนะนำให้ปฏิบัติตามคัมภีร์   ถัดจากนั้นท่านกล่าวว่า  

และ(สอง)อะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  ฉันขอเตือนพวกท่านให้รำลึกถึงอัลลอฮ์ในอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  ฉันขอเตือนพวกท่านให้รำลึกถึงอัลลอฮ์ในอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน   ฉันขอเตือนพวกท่านให้รำลึกถึงอัลลอฮ์ในอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน  


อ้างอิงจาก

ซอฮีฮุลมุสลิม กิตาบฟะฎออิลุซ-ซอฮาบะฮ์   บาบมิน ฟะฎออิลิอะลี หะดีษที่ 4425



والحمد لله، والصلاة والسلام على محمد وآله


เพื่อความสะดวกในการอ่าน   เราจะตัดแบ่งบทความนี้ ไปไว้ในบทความใหม่ในหัวข้อ


( ( วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ) ))


เชิญท่านอ่านบทความต่อได้ที่

http://www.q4sunni.com/believe/index.php?option=com_kunena&Itemid=71&func=view&catid=2&id=1136
  •  

L-umar

เพื่อความสะดวกในการอ่าน เราจะตัดแบ่งบทความนี้ ไปไว้ในบทความใหม่ในหัวข้อ


( ( วิจัย มะตั่นและสะนัด วะซียะฮ์ของนบีมุฮัมมัด (ศ) ))


เชิญท่านอ่านบทความต่อได้ที่

www.q4sunni.com/believe/index.php?option...;catid=2&id=1136
  •  


55 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้