Welcome to Q4wahabi.com (Question for Wahabi). Please login or sign up.

มีนาคม 28, 2024, 10:13:35 หลังเที่ยง

Login with username, password and session length
สมาชิก
Stats
  • กระทู้ทั้งหมด: 2,519
  • หัวข้อทั้งหมด: 647
  • Online today: 70
  • Online ever: 70
  • (วันนี้ เวลา 08:04:24 หลังเที่ยง)
ผู้ใช้ออนไลน์
Users: 0
Guests: 43
Total: 43

1 มุหัรรอม ฮ.ศ.1431 รำลึกโศกนาฎกรรมในวันอาชูรอ

เริ่มโดย L-umar, พฤศจิกายน 19, 2009, 12:11:57 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

L-umar


มุหัรร็อม ตอน 30 :  

คนแรกที่ร้องไห้เสียใจให้กับอิม่ามฮูเซนคือใคร


بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

อะฮ์ลุสซุนนะฮ์รายงาน

حَدَّثَنَا مُؤَمَّلٌ حَدَّثَنَا عُمَارَةُ بْنُ زَاذَانَ حَدَّثَنَا ثَابِتٌ عَنْ أَنَسِ بْنِ مَالِكٍ
أَنَّ مَلَكَ الْمَطَرِ اسْتَأْذَنَ رَبَّهُ أَنْ يَأْتِيَ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَأَذِنَ لَهُ فَقَالَ لِأُمِّ سَلَمَةَ امْلِكِي عَلَيْنَا الْبَابَ لَا يَدْخُلْ عَلَيْنَا أَحَدٌ قَالَ وَجَاءَ الْحُسَيْنُ لِيَدْخُلَ فَمَنَعَتْهُ فَوَثَبَ فَدَخَلَ فَجَعَلَ يَقْعُدُ عَلَى ظَهَرِ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَعَلَى مَنْكِبِهِ وَعَلَى عَاتِقِهِ قَالَ فَقَالَ الْمَلَكُ لِلنَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَتُحِبُّهُ قَالَ نَعَمْ قَالَ أَمَا إِنَّ أُمَّتَكَ سَتَقْتُلُهُ وَإِنْ شِئْتَ أَرَيْتُكَ الْمَكَانَ الَّذِي يُقْتَلُ فِيهِ فَضَرَبَ بِيَدِهِ فَجَاءَ بِطِينَةٍ حَمْرَاءَ فَأَخَذَتْهَا أُمُّ سَلَمَةَ فَصَرَّتْهَا فِي خِمَارِهَا    قَالَ قَالَ ثَابِتٌ بَلَغَنَا أَنَّهَا كَرْبَلَاءُ

ท่านอนัส บินมาลิกเล่าว่า :

มลาอิกะฮ์ฝนขออนุญาติต่ออัลลอฮ์ที่จะพบท่านนบี(ศ) พระองค์ทรงอนุญาตแก่เขา
ท่านนบีกล่าวกับท่านหญิงอุมมุ สะละมะฮ์ว่า :  เธอจงเฝ้าประตูให้เราที อย่าให้ใครเข้ามาหาเรา  

ท่านอนัสเล่าว่า : ท่านฮูเซนได้มา นางได้กันเขาไว้ ท่านฮูเซนได้พรวดพราดเข้ามาอย่างกะทันหัน แล้วก็โผขึ้นไปนั่งบนหลังท่านนบี(ศ)บนบ่าและไหล่ของท่าน  ท่านมลาอิกะฮ์กล่าวกับท่านนบีว่า  : ท่านรักหลานชายคนนี้ไหม ?  นบีตอบว่า รักสิ

มลาอิกะฮ์กล่าวว่า  :
ในอนาคตประชาชาติของท่าน จะสังหารเขา    หากท่านอยากเห็น ฉันจะให้ท่านดูสถานที่ ที่เขาจะถูกสังหาร  แล้วมลาอิกะฮ์ได้ตบมือของเขา แล้วเขาได้นำดินสีแดงมา  ท่านหญิงอุมมุ สะละมะฮ์ได้รับดินนั้นมาไว้ในฮิญาบนาง  
ท่านอนัสกล่าวว่า :  แน่นอนมันได้มาถึงเราว่า   ดินนั้นคือ กัรบาลา



อ้างอิงจากหนังสือ

มุสนัดอะหฺมัด  เล่ม 27 : 97   หะดีษที่ 13050
มุสนัด อบียะอ์ลา  เล่ม  7: 422   หะดีษที่  3380
ซอฮีฮุอิบนิ ฮิบบาน  เล่ม  28 : 25  หะดีษที่  6866
อัลมุอ์ญัม อัลกะบีร  เล่ม 3 : 106  หะดีษที่ 2813
  •  

L-umar


มุหัรร็อม ตอน 31 :  

คนแรกที่ร้องไห้เสียใจให้กับอิม่ามฮูเซนคือใคร


بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

หากถามว่า  เรื่องที่ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)ร้องไห้เสียใจให้กับการที่อิม่ามฮูเซนจะถูกสังหารนั้น  มีรายงานจากอะฮ์ลุลบัยต์หรือไม่   ?    

คำตอบคือ   มีรายงาน ดังต่อไปนี้



อะฮ์ลุลบัยต์รายงาน

مُحَمَّدُ بْنُ يَحْيَى عَنْ أَحْمَدَ بْنِ مُحَمَّدٍ عَنِ الْوَشَّاءِ وَ الْحُسَيْنُ بْنُ مُحَمَّدٍ عَنْ مُعَلَّى بْنِ مُحَمَّدٍ عَنِ الْوَشَّاءِ عَنْ أَحْمَدَ بْنِ عَائِذٍ عَنْ أَبِي خَدِيجَةَ عَنْ أَبِي عَبْدِ اللَّهِ ( عليه السلام ) قَالَ لَمَّا حَمَلَتْ فَاطِمَةُ ( عليها السلام ) بِالْحُسَيْنِ جَاءَ جَبْرَئِيلُ إِلَى رَسُولِ اللَّهِ ( صلى الله عليه وآله ) فَقَالَ إِنَّ فَاطِمَةَ ( عليها السلام ) سَتَلِدُ غُلَاماً تَقْتُلُهُ أُمَّتُكَ مِنْ بَعْدِكَ
فَلَمَّا حَمَلَتْ فَاطِمَةُ بِالْحُسَيْنِ ( عليه السلام ) كَرِهَتْ حَمْلَهُ وَ حِينَ وَضَعَتْهُ كَرِهَتْ وَضْعَهُ ثُمَّ قَالَ أَبُو عَبْدِ اللَّهِ ( عليه السلام ) لَمْ تُرَ فِي الدُّنْيَا أُمٌّ تَلِدُ غُلَاماً تَكْرَهُهُ وَ لَكِنَّهَا كَرِهَتْهُ لِمَا عَلِمَتْ أَنَّهُ سَيُقْتَلُ قَالَ وَ فِيهِ نَزَلَتْ هَذِهِ الْآيَةُ وَ وَصَّيْنَا الْإِنْسانَ بِوالِدَيْهِ حُسْناً حَمَلَتْهُ أُمُّهُ كُرْهاً وَ وَضَعَتْهُ كُرْهاً وَ حَمْلُهُ وَ فِصالُهُ ثَلاثُونَ شَهْراً .


ท่านอิม่ามศอดิก อะลัยฮิสสลามเล่าว่า :

ตอนที่ท่านหญิงฟาติมะฮ์ตั้งครรถ์ท่านอิม่ามฮูเซน  ท่านญับรออีลได้มาหาท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ)  
ท่านญับรออีลกล่าวว่า  : แท้จริงฟาติมะฮ์(บุตรีท่าน)จะคลอดบุตรชาย  ประชาชาติของท่านจะสังหารเขา หลังจากท่านจากไปแล้ว  
เมื่อท่านหญิงฟาติมะฮ์ตั้งครรถ์ทารกน้อยฮูเซน  นางได้อุ้มครรถ์บุตรด้วยความเหนื่อยยาก และได้คลอดบุตรออกมาด้วยความทุกข์ระทม
ท่านอิม่ามศอดิกเล่าว่า : ไม่เคยเห็นมารดาคนใดในโลกที่ให้กำเนิดบุตรชายโดยนางไม่ปรารถนาที่จะได้เขา  แต่ท่านหญิงฟาติมะฮ์ได้ทุกข์ระทมต่อบุตรคนนี้ เนื่องจากนางได้รู้มาว่า แท้จริงเขาจะต้องถูกสังหารในอนาคต  
ท่านอิม่ามศอดิกกล่าวว่า  : และได้มีโองการกุรอ่านประทานลงมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

( และเราได้สั่งเสียมนุษย์ให้ทำดีต่อบิดามารดาของเขา  มารดาเขาได้อุ้มครรถ์เขาด้วยความเหนื่อยาก และได้คลอดเขาด้วยความเจ็บปวดทุกข์ระทม และการอุ้มครรถ์เขา และการหย่านมของเขาในระยะเวลาสามเดือน )  

ซูเราะฮ์อัลอะห์กอฟ : 15


สถานะหะดีษ : ซอฮี๊ฮฺ
ดูอัลกาฟี  เชคกุลัยนี  เล่ม  1  หน้า 464 หะดีษที่ 3
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน
  •  

L-umar



มุหัรร็อม ตอน 32 :  

คนแรกที่ร้องไห้เสียใจให้กับอิม่ามฮูเซนคือใคร
بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ


อะฮ์ลุลบัยต์รายงาน


حَدَّثَنِيْ أَبِيْ ـ رَحِمَهُ اللهُ تَعَالى ـ قَالَ : حَدَّثَنِيْ سَعْدُ بْنُ عَبْدِاللهِ بْنِ أَبِيْ خَلَفٍ ، عَنْ أَحْمَدَ بْنِ مُحَمَّدِ بْنِ عِيْسَى ، عَنِ الْحُسَيْنِ بْنِ سَعِيْدٍ ، عَنِ النَّضْرِ بْنِ سُوَيْدٍ ، عَنْ يَحْيَى اَلْحَلَبِيّ ، عَنْ هَارُوْنَ بْنِ خَارِجَةَ ، عَنْ أَبِيْ بَصِيْرٍ ، عَنْ أَبِيْ عَبْدِاللهِ عَلَيْهِ السَّلاَمِ « قَالَ : إِنَّ جَبْرَئِيْلَ أَتَى رَسُوْلَ الله صلّى الله عليه وآله وسلّم ـ وَالْحُسَيْنُ يَلْعَبُ بَيْنَ يَدَيْهِ ـ فَأَخْبَرَهُ أَنَّ اُمَّتَهُ سَتَقْتُلُهُ ، قَالَ : فَجَزَعَ رَسُوْلُ الله صلى الله عليه وآله وسلم

ท่านอิม่ามศอดิก(อ)เล่าว่า :

แท้จริงท่านญิบรออีลได้มาพบท่านรอซูลุลลอฮ์ (ศ) ( ขณะนั้นมีท่านฮูเซนกำลังเล่นอยู่ตรงหน้าท่าน ) ท่านญิบรออีลได้แจ้งข่าวกับท่านรอซูลฯว่า

แท้จริงประชาชาติของเขาจะสังหารเขา  

อิม่ามศอดิกเล่าว่า :   ท่านรอซูลุลลอฮ์ (ศ) จึงโศกเศร้าทุกข์ระทมใจเป็นอย่างยิ่ง  



สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ

ดูกามิลุต-ซิยารอต โดยอิบนุ กูละวัยฮฺ  มรณะฮ.ศ. 367 หน้า 57 บาบที่ 17  หะดีษที่ 1  
และบิฮารุลอันวาร โดยอัลลามะฮ์มัจญ์ลิซี เล่ม 44  หน้า  235




วิเคราะห์สายรายงาน

อิบนุ กูละวัยฮฺ ► สะอัด บินอับดุลลอฮฺ บินอบีค่อลัฟ ► อะหมัด บินมุฮัมมัด บินอีซา► อัลฮูเซน บินสะอีด ► อันนัฎรุ บินสุวัยดฺ ► ยะห์ยา อัลหะละบี ► ฮารูน บินคอริญะฮ์ ►  อบูบะศีร ► อิม่ามอบี อับดิลละฮ์  คืออิม่ามศอดิก(อ)


อิบนุ กูละวัยฮฺ

เชคอับบาส อัลกุมมีกล่าวว่า อบุลกอสิม ญะอ์ฟัร บิน มุฮัมมัด บิน ญะอ์ฟัร บิน มูซา อิบนิ กูละวัยฮฺ อัลกุมมี คือชัยคุลฟะกีฮ์  มุฮัดดิษ  การรายงานเชื่อถือได้ ผู้ทรงคุณวุฒิ  มีวาจาสัตย์ หนึ่งจากตำราของเขาคือ หนังสือ กามิลุซ-ซิยารอต อันเป็นตำราที่มีค่ายิ่ง
หนังสือ อัลกุนา วัลอัลกอบ โดยเชคอับบาส กุมมี  เล่ม 49 หน้า 10


สะอัด บิน อับดุลลอฮฺ บิน อบี ค่อลัฟ

ท่านอัลลามะฮ์ อัลฮิลลีกล่าวว่า : สะอัด บิน อับดุลลอฮฺ บิน อบี ค่อลัฟ อัลอัชอะรี อัลกุมมี  การรายงานเชื่อถือได้ เขาได้พบกับท่านอิม่ามฮาซัน อัสการี (อ)
หนังสือ คุลาเศาะตุล อักวาล  เล่ม  16 หน้า 2  อันดับที่ 3


อะหมัด บิน มุฮัมมัด บิน อีซา นั้นการรายงานเชื่อถือได้

หนังสือ มะชายิค อัษ-ษิกอต  ฆุล่าม ริฎอ อิรฟานียาน เล่ม  1 หน้า 50  อันดับที่ 19
ท่านเชคตูซีกล่าวว่า : อะหมัด บิน มุฮัมมัด บิน อีซา อัลอัชอะรี อัลกุมมี  การรายงานเชื่อถือได้
หนังสือ ริญาล อัต-ตูซี  เล่ม 1 หน้า 164 อันดับที่ 3 - 5197
ท่านอัลลามะฮ์ อัลฮิลลีกล่าวว่า : (อะหมัด บิน มุฮัมมัด บิน อีซา  )ในทัศนะของข้าพเจ้านั้น หะดีษเขาถูกยอมรับ
หนังสือ คุลาเศาะตุล อักวาล  เล่ม  5 หน้า 10  อันดับที่ 3


อัลฮูเซน บิน สะอีด

ท่านอัลลามะฮ์ อัลฮิลลีกล่าวว่า : อัลฮูเซน บิน สะอีด การรายงานเชื่อถือได้ รายงานหะดีษจากอิม่ามริฎอ ,อิม่ามอบู ญะอ์ฟัร และอิม่ามอบุลฮาซัน ที่ 3 (อ)
หนังสือ คุลาเศาะตุล อักวาล  เล่ม  1 หน้า 104  อันดับที่ 4


อัน-นัฎรฺ บิน สุวัยดฺ

ท่านเชคตูซีกล่าวว่า : อัน-นัฎรฺ บิน สุวัยดฺ  การรายงานเชื่อถือได้
หนังสือ ริญาล อัต-ตูซี  เล่ม 1 หน้า 162 อันดับที่ 2 - 5147


ยะห์ยา ( บิน อิมรอน ) อัลหะละบี

ท่านสัยยิดมุฮัมมัด อะลี อัลอัฟต่อฮีกล่าวว่า :  ในหนังสือมิ๊กลาศ บิน อบิล ค็อตตอบ มีสายรายงานที่ซอฮี๊ฮฺจากยะห์ยา อัลหะละบีจากบิดาเขา ซึ่งรายงานหะดีษจากรอวีที่เชื่อถือได้กลุ่มหนึ่ง
หนังสือ ตะฮ์ซีบุล มะกอล เล่ม 4 หน้า 2 อันดับที่ 13 - 190


ฮารูน บิน คอริญะฮ์

ท่านนะญาชีกล่าวว่า :  ฮารูน บิน คอริญะฮ์ ชาวกูฟะฮ์  การรายงานเชื่อถือได้
หนังสือ ตะฮ์ซีบุล มะกอล เล่ม 1 หน้า 312 อันดับที่ 1176


อบู บะศีร  ชื่อจริงคือ ลัยษ์ บิน อัลบัคตะรี อัลมุรอดี ฉายาอบู มุฮัมมัด

อบู บะศีร คือนักรายงานหะดีษที่น่าเชื่อถืออย่างยิ่งเป็นซอฮาบะฮ์ของท่านอิม่ามบาเก็ร,อิม่ามศอดิกและอิม่ามมูซา กาซิม (อ)
ท่านเชค อิบนุ ดาวูด อัลฮิลลี กล่าวว่า อบูบะศีร  การรายงานเชื่อถือได้อย่างมั่นใจยิ่ง
ท่านชะฮีด ษานี กล่าวว่า อบูบะศีร  เป็นที่รู้กันว่า การรายงานของเขาเชื่อถือได้
ท่านอิบนุ เฆาะฎออิรี กล่าวว่า :  อบูบะศีร ในทัศนะของฉัน การรายงานเชื่อถือได้
หนังสือ ริญาล อิบนุ เฆาะฎออิรี เล่ม 8 หน้า 2 อันดับที่ 6-6


สรุป

นักรายงานหะดีษ ทุกคน   เชื่อถือได้   จึงหะดีษมีสถานะ เศาะหิ๊หฺ
  •  

L-umar


มุหัรร็อม ตอน 33 :  

คนแรกที่ร้องไห้เสียใจให้กับอิม่ามฮูเซนคือใคร


بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

อะฮ์ลุลบัยต์รายงาน

حَدَّثَنِيْ أَبِيْ ـ رَحِمَهُ اللهُ ـ عَنْ سَعْدِ بْنِ عَبْدِاللهِ ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ عِيْسَى بْنِ عُبَيْدٍ الْيَقْطِيْنِيِّ ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ سِنَانٍ ، عَنْ أَبِيْ سَعِيْدٍ القَمَّاط عَنِ ابْنِ أَبِي يَعْفُوْر ، عَنْ أَبِيْ عَبْدِاللهِ عَلَيْهِ السَّلاَم «قَالَ : بَيْنَمَا رَسُوْلُ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ وَسَلَّم فِيْ مَنْزِلِ فَاطِمَةَ عَلَيْهَا السَّلاَم وَالْحُسَيْنُ فِي حِجْرِهِ إِذْ بَكَى وَخَرَّ سَاجِداً ، ثُمَّ قَالَ : يَا فَاطِمَةَ بِنْتِ مُحَمَّدٍ ! إنَّ الْعَلِيَّ الْأَعْلَى تُرَائِي لِي فِي بَيْتِكِ هَذَا فِي سَاعَتِيْ هَذِهِ فِي أَحْسَنِ صُوْرَةٍ وَأَهْيَأَ هَيْئَةٍ ، وَقَالَ لِي : يَامُحَمَّدُ أَتُحِبُّ الْحُسَيْنَ ؟ فَقَالَ : نَعَمْ ؛ قُرَّةُ عَيْنِيْ وَرَيْحَانَتِيْ وَثَمَرَةُ فُؤَادِيْ ؛ وَجِلْدَةُ مَا بَيْنَ عَيْنَيَّ ، فَقَالَ لِي : يَا مُحَمَّدُ ـ وَوَضَعَ يَدَهُ عَلَى رَأْسِ الْحُسَيْنِ عَلَيْهِ السَّلاَم ـ بُوْرَكَ مِنْ مَوْلُوْدٍ عَلَيْهِ بَرَكَاتِيْ وَصَلَوَاتِيْ وَرَحْمَتِيْ وَرِضْوَانِيْ ؛ وَلَعْنَتِيْ وَسَخَطِيْ وَعَذَابِيْ وَخِزْيِيْ وَنَكَالِيْ عَلَى مَن قَتَلَهُ وَنَاصَبَهُ وَنَاوَأَهُ وَنَازَعَهُ ، أَمَّا إِنَّهُ سَيِّّدُ الشُّهَدَاءِ مِنَ الاُوَّلينَ وَالآخِرِيْنَ فِي الدُّنْيَا وَالْآخِرَةِ ـ وذكر الحديث ـ »


ท่านอิม่ามศอดิกเล่าว่า  :  

ตอนที่ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ)อยู่ในบ้านของท่านหญิงฟาติมะฮ์ มีท่านฮูเซนอยู่บนตักของท่าน   ทันใดท่านได้ร้องไห้ออกมาและทรุดตัวลงสุญูด แล้วกล่าวว่า  โอ้ฟาติมะฮ์ บุตรีของมุฮัมมัด  แท้จริงอัลลอฮ์ผู้ทรงสูงส่งยิ่งได้ส่งญิบรออีลลงมาสำแดงแก่ฉันในบ้านของเธอ ณ.บัดนี้ในรูปร่างและภาพลักษณ์ที่งดงามที่สุด  และเขาได้ถามฉันว่า : โอ้มุฮัมมัด ท่านรักฮูเซนไหม ?    ฉันตอบว่า รักซิ  เขาคือแก้วตาดวงใจของฉัน คือต้นไม้กลิ่นหอมของฉัน คือผลไม้ดวงใจของฉันและคือหนังผืนหนึ่งที่อยู่ระหว่างดวงตาทั้งสองของฉัน   ท่านญิบรออีลจึงวางมือไว้บนศรีษะของฮูเซน  และกล่าวกับท่านรอซูลฯว่า  
โอ้มุฮัมมัด ( อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า ) ข้าได้ประทานให้เด็กน้อยคนนี้ได้รับบะร่อกัต,ซอละวาต,เราะห์มัตและความพึงพอใจของข้า  และการละอ์นัตสาปแช่ง,ความพิโรธ,การลงโทษ,ความอัปยศตกต่ำของข้าจงมีแก่ผู้ที่สังหารเด็กน้อยคนนี้ ผู้ตั้งตนเป็นศัตรูต่อเขา  ผู้ที่ชิงดีชิงเด่นกับเขาและต่อสู้กับเขา เขา(ฮูเซน)คือหัวหน้าแห่งบรรดาชะฮีดของชนรุ่นก่อนและรุ่นหลังทั้งในดุนยาและอาคิเราะฮ์    




สถานะหะดีษ :  เศาะหิ๊หฺ

ดูกามิลุต-ซิยารอต โดยอิบนุ กูละวัยฮฺ หน้า 65-66 บาบที่ 21  หะดีษที่ 1




ขอให้พี่น้องมุสลิมทั้งหลายลองตรองดูเถิดว่า

หากท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)ยังมีชีวิตอยู่จนถึงวันที่อท่านฮูเซนถูกกองทัพยะซีดสังหาร ท่านนบีฯก็ต้องร้องไห้และจัดงานไว้ทุกข์นี้ให้กับหลานชายท่านอย่างแน่นอน
 
แล้วทำไมมุสลิมจึงไม่ร้องไห้ให้กับอิม่ามฮูเซนหลังจากเขาถูกสังหารเล่า ?  

ความโศกเศร้าและน้ำตามันทำให้มุสลิมเฉไฉออกไปจากซุนนะฮ์ที่ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)เคยกระทำไว้กระนั้นหรือ ?
  •  

L-umar


มุหัรร็อม ตอน 34 :  

อะฮ์ลุลบัยต์กับพิธีมุหัรร็อม


بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

บรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ได้จัดการบรรยายเหตุการณ์วันอาชูรอและส่งเสริมให้กระทำเช่นนั้น


ในฐานะที่บรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์คืออัษ-ษะก่อลัยน์ (สิ่งหนักประการที่สอง) ที่ท่าน นบีมุฮัมมัด(ศ)สั่งเสียมุสลิมให้ปฏิบัติตาม มุสลิมจะไม่หลงทางหากปฏิบัติตามพวกเขา และผู้ใดฝ่าฝืนจะไม่มีวันได้รับการชี้นำจากอัลลอฮ์  แน่นอนในวิถีชีวิตของบรรดาอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ได้สนับสนุนการจัดมัจญ์ลิสอาชูรอมาโดยตลอด อีกทั้งยังกำชับให้มุสลิมจัดงานนี้มาโดยตลอดเช่นกันทุกยุคและทุกสมัย


อะฮ์ลุลบัยต์กับการร้องไห้ให้กับท่านอิม่ามฮูเซน


حَدَّثَنِيْ مُحَمَّدُ بْنُ الْحَسَنِ ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ الْحَسَنِ الصَّفَّارِ ، عَنْ أَحْمَدَ بْنِ مُحَمَّدِ بْنِ عِيْسَى ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ خَالِدٍ اَلْبَرْقِيِّ ، عَنْ أَبَانِ الْأَحْمَرِ ، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ الْحُسَيْنِ الْخَزَّازِ ، عَنْ هَارُوْنَ بْنَ خَارِجَةِ ، عَنْ أَبِيْ عَبْدِاللهِ عَلَيْهِ السَّلاَمِ « قَالَ : كُنَّا عِنْدَهُ فَذَكَرْنَا الْحُسَيْنَ (عَلَيْهِ السَّلاَم)، فَبَكَى أَبُوْ عَبْدِ اللهِ (عَلَيْهِ السَّلاَم) وَبَكَيْنَا، قَالَ: ثُمَّ رَفَعَ رَأْسَهُ، فَقَالَ: قَالَ الْحُسَيْنُ (عَلَيْهِ السَّلاَم): أَنَا قَتِيْلُ الْعِبْرَةِ لاَ يَذْكُرُنَيْ مُؤْمِنٌ اِلاَّ بَكَى ».

ท่านอิม่ามฮูเซน บินอะลี (อ) กล่าวว่า :

ความตายของฉันคือ "อุทาหรณ์ " อันแสนเศร้า ไม่มีมุอ์มิน(ผู้ศรัทธา)คนใดกล่าวถึงเรื่องราวของฉัน

เว้นแต่เขาต้องร่ำไห้ ( เพราะเศร้าใจต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดกับฉัน)
สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ

ดูกามิลุต-ซิยารอต  โดยอิบนุ กูละวัยฮฺ หน้า 117 บาบที่ 36  หะดีษที่ 6



ในเมื่อท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลฯ)ยังบอกกับประชาชาติของท่านว่า ฮูเซนหลานชายจะถูกอุมมะฮ์ของท่านสังหารเขา  

แน่นอนท่านย่อมต้องบอกให้หลานชาย(ฮูเซน)รับรู้ก่อนใครๆ

มันจะไม่เศร้าสลดใจได้อย่างไร ในเมื่อคนลงมือสังหารฮูเซน คือ ประชาชาติของท่านเอง

และท่านอิม่ามฮูเซนกล่าวย้ำว่า "ความตายของฉันคืออุทาหรณ์อันแสนเศร้า "


ดังที่อัลลอฮ์ตะอาลาทรงตรัสว่า

لَقَدْ كَانَ فِي قَصَصِهِمْ عِبْرَةٌ لِّأُوْلِي الأَلْبَابِ


โดยแน่นอนยิ่ง ในเรื่องราวของพวกเขาคือ"อุทาหรณ์ "สำหรับบรรดาผู้มีวิจารณญาณ  
 

ซูเราะฮ์ยูซุฟ  : 111


แต่บนโลกใบนี้จะมีผู้มีวิจารณญาณสักกี่คนที่ใคร่ครวญว่า ฮูเซน ยอมตายเพื่ออะไร ?
  •  

L-umar


มุหัรร็อม ตอน 35 :  

อะฮ์ลุลบัยต์กับพิธีมุหัรร็อม



بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

حَدَّثَنِي الْحَسَنُ بْنُ عَبْدِ اللهِ بْنِ مُحَمَّدِ بْنِ عِيْسَى، عَنْ أَبِيْهِ، عَنِ الْحَسَنِ بْنِ مَحْبُوْبٍ، عَنِ الْعَلاَ بْنِ رَزِيْن، عَنْ مُحَمَّدِ بْنِ مُسْلِم، عَن أَبِيْ جَعْفَرٍ (عَلَيْهِ السَّلاَم)، قَالَ : كَانَ عَلِيُّ بْنُ الْحُسَيْنِ (عَلَيْهِمَا السَّلاَم) يَقُوْلُ : أَيُّمَا مُؤْمِنٍ دَمَعَتْ عَيْنَاهُ لِقَتْلِ الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيٍّ (عليهما السلام) دَمْعَةً حَتَّى تَسِيْلَ عَلَى خَدِّهِ بَوَّأَهُ اللهُ بِهَا فِي الْجَنَّةِ غُرَفًا يَسْكُنُهَا أَحْقَابًا، وَأَيُّمَا مُؤْمِنٍ دَمَعَتْ عَيْنَاهُ حَتَّى تَسِيْلَ عَلَى خَدِّهِ فِيْنَا لِاَذَي مَسَّنَا مِنْ عَدُوِّنَا فِي الدُّنْيَا بَوَّأَهُ اللهُ بِهَا فِي الْجَنَّةِ مَبَوَّأَ صِدْقٍ، وَأَيُّمَا مُؤْمِنٍ مَسَّهُ أَذَى فِيْنَا فَدَمَعَتْ عَيْنَاهُ حَتَّى تَسِيْلَ عَلَى خَدِّهِ مِنْ مَضَاضَةٍ  مَا اُوْذِيَ فِيْنَا صَرَّفَ اللهُ، عَنْ وَجْهِهِ الْاَذَى وَآمَنَهُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ مِنْ سَخَطِهِ وَالنَّارِ


ท่านอิม่ามอะลี บินฮูเซน(อ)กล่าวว่า  :  

มุอ์มิน(ผู้ศรัทธา)คนใดที่ดวงตาทั้งสองของเขาหลั่งน้ำตาเพราะเรื่องที่ฮูเซนบุตรอะลีถูกสังหาร จนไหลอาบแก้มเขา  อัลลอฮ์จะทรงมอบห้องหนึ่งในสวรรค์ให้เขาเพราะน้ำตานั้น เขาจะได้พำนักที่นั่นไปอย่างยาวนานหลายหุกุ๊บ(หนึ่งหุกุ๊บ = 80 ปี )  

มุอ์มินคนใดที่ดวงตาทั้งสองของเขาหลั่งน้ำตาจนไหลอาบแก้มเขาเกี่ยวกับเรื่องราวของเรา เนื่องจากเราโดนทำร้ายจากศัตรูเราในดุนยา  อัลลอฮ์จะทรงจัดสถานที่แห่งสัจจะในสวรรค์ให้เขาเพราะน้ำตานั้น

มุอ์มินคนใดโดนทำร้าย(หรือได้รับความเดือดร้อน)เพราะเรื่องราวของเรา แล้วดวงตาทั้งสองของเขาหลั่งน้ำตาจนไหลอาบแก้มเขา เนื่องจากความเจ็บปวด(และความเดือดร้อน)ที่ได้รับเพราะเรื่องราวของเรา  อัลลอฮ์จะทรงปัดเป่าความเจ็บปวดเดือดร้อนนั้นออกไปจากใบหน้าเขาและคุ้มครองเขาให้พ้นจากความพิโรธของพระองค์และพ้นจากไฟนรกในวันกิยามะฮ์



สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ

ดูกามิลุต-ซิยารอต โดยอิบนุ กูละวัยฮฺ  หน้า 106 บาบที่ 32  หะดีษที่ 1
  •  

L-umar



มุหัรร็อม ตอน 36 :  

อะฮ์ลุลบัยต์กับพิธีมุหัรร็อม



بِسْمِ اللّـــــهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

 عَنْ أَبِيْ عَبْدِالله عَلَيْهِ السَّلاَم  قَالَ  : إنَّ الْبُكَاءَ وَالْجَزَعَ مَكْرُوْهٌ لِلْعَبْدِ فِيْ كُلِّ مَا جَزَعَ مَا خَلاَ الْبُكَاءُ وَالْجَزَعُ عَلَى الْحُسَـيْنِ بْنِ عَلِيٍّ عَلَيْهِمَا السَّلاَم ، فَإنَّـهُ فِـيْهِ مَأْجُوْرٌ


ท่านอิม่ามศอดิก(อ)กล่าวว่า :  

แท้จริงการร้องไห้และการเศร้าโศกเสียใจอย่างรุนแรงเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำสำหรับบ่าว(ของอัลลอฮ์)ในทุกสิ่งที่เขาได้เสียใจมาก  

ยกเว้น การร้องไห้และเสียใจอย่างรุนแรงให้กับอิม่ามฮูเซน บินอะลี

เพราะแท้จริงในการกระทำสิ่งนั้นจะได้รับรางวัลตอบแทน



สถานะหะดีษ : เศาะหิ๊หฺ

ดูกามิลุต-ซิยารอต โดยอิบนุ กูละวัยฮฺ  หน้า 107 บาบที่ 32  หะดีษที่ 2





หะดีษทั้งหมดที่พี่น้องอะฮ์ลุสซุนนะฮ์และอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์รายงาน คือ


หลักฐานพิสูจน์ว่า   " พิธีมุหัรร็อม " เป็นสิ่งที่อิสลามอนุญาติ  


และสามารถกล่าวได้อย่างมั่นใจว่า  การไว้ทุกข์ให้กับอิม่ามฮูเซนคือ  

สิ่งที่ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)และอิม่ามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์(อ)ได้กระทำและส่งเสริมให้กระทำ มันจึงเป็น " ซุนนะฮ์ "



หากบุคคลใดปฏิเสธหลักฐานเปรียบเทียบดังที่กล่าวมา

เราต้องขอจบการสนทนาทางวิชาการนี้ด้วยพระดำรัสของอัลลอฮ์ที่ตรัสว่า


وَإِذَا خَاطَبَهُمُ الْجَاهِلُوْنَ قَالُوْا سَلاَماً

เมื่อผู้ไร้ความรู้ทั้งหลายได้สนทนากับพวกเขา(ผู้ศรัทธา)

พวกเขาจะกล่าวว่า ขอสันติพึง(มีแด่พวกท่าน )  


ซูเราะฮ์อัลฟุรกอน : 63


ให้ท่านได้อ่านอัลฟาติหะฮ์ให้กับท่านอิม่ามฮูเซนและบรรดาชุฮะดาอ์ด้วย

بِسْمِ اللَّهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيمِ (1) الْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ (2) الرَّحْمَنِ الرَّحِيمِ (3) مَالِكِ يَوْمِ الدِّينِ (4) إِيَّاكَ نَعْبُدُ وَإِيَّاكَ نَسْتَعِينُ (5) اهْدِنَا الصِّرَاطَ الْمُسْتَقِيمَ (6) صِرَاطَ الَّذِينَ أَنْعَمْتَ عَلَيْهِمْ غَيْرِ الْمَغْضُوبِ عَلَيْهِمْ وَلَا الضَّالِّينَ (7)
بسم الله الرحمن الرحيم
قُلْ هُوَ اللَّهُ أَحَدٌ (1) اللَّهُ الصَّمَدُ (2) لَمْ يَلِدْ وَلَمْ يُولَدْ (3) وَلَمْ يَكُنْ لَهُ كُفُوًا أَحَدٌ (4)
سُبْحَانَ رَبِّكَ رَبِّ الْعِزَّةِ عَمَّا يَصِفُونَ  وَسَلَامٌ عَلَى الْمُرْسَلِينَ وَالْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ (الصفات : 180-183)     اللَّهُمَّ صَلِّ عَلَى مُحَمَّدٍ وَ آلِ مُحَمَّدٍ

ขอสันติจงมีแด่ผู้ปฏิบัติตามทางนำ
وَالسَّلاَمُ عَلَي مَنِ اتَّبَعَ الْهُدَي

((( จบ )))
  •  

L-umar


คนตระกูลอุมัยยะฮ์คือ  ผู้เปลี่ยนแปลงซุนนะฮ์ของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)


قَالَ رَسُوْلُ الله (ص) : أوَّلُ مَنْ يُغَيِّرُ سُنَّتِيْ رَجُلٌ مِنْ بَنِيْ أُمَيَّة

ท่านรอซูลุลลอฮ์กล่าวว่า :

บุคคลแรกที่จะทำการเปลี่ยนแปลงซุนนะฮ์(แบบอย่าง)ของฉัน คือชายที่มาจากตระกูลอุมัยยะฮ์


สถานะหะดีษ  : เศาะหิ๊หฺ  

ดูซิลซิละตุล อะฮาดีษ อัซ-ซอฮีฮะฮ์ เล่ม 4 หน้า 329   หะดีษ1749  
  •  

L-umar


หะดีษยะซีดชายจากตระกูลอุมัยยะฮ์

حَدَّثَنَا الْحَكَمُ بْنُ مُوسَى ، حَدَّثَنَا الْوَلِيدُ بْنُ مُسْلِمٍ ، عَنِ الأَوْزَاعِيِّ عَنْ مَكْحُولٍ ، عَنْ أَبِي عُبَيْدَةَ بْنِ الْجَرَّاحِ قَالَ :

قَالَ رَسُولُ اللهِ صلى الله عليه وسلم : لاَ يَزَالُ أَمْرُ أُمَّتِي قَائِمًا بِالْقِسْطِ حَتَّى يَكُونَ أَوَّلَ مَنْ يَثْلَمُهُ رَجُلٌ مِنْ بَنِي أُمَيَّةَ يُقَالُ لَهُ يَزِيدُ

อัลฮะกัม บินมูซาเล่าให้เราฟัง อัลวะลีด บินมุสลิมเล่าให้เราฟัง จากอัลเอาซาอี จากมักฮู้ล จากท่านอบีอุบัยดะฮ์ บินอัลญัรร๊อห์เล่าว่า


ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า กิจการ(อิสลาม)ของประชาชาติของฉันจะยังคงดำรงอยู่ด้วยความยุติธรรม

จนกระทั่งจะมีคนแรกเป็นผู้ทำลายมัน คือชายคนหนึ่งจากตระกูลอุมัยยะฮ์ เขามีนามว่า ยะซีด (บุตรมุอาวียะฮ์)


قال حسين سليم أسد : رجاله ثقات غير أنه منقطع

ดูมุสนัดอบียะอ์ลา  หะดีษที่ 871 ฉบับตรวจทานโดยฮูเซนสุลัยม์อะซัด
ฮูเซนสุลัยม์อะซัดกล่าวว่า

قال حسين سليم أسد : رجاله ثقات غير أنه منقطع

บรรดานักรายงานของหะดีษนี้  เชื่อถือได้  นอกจากว่าสะนัดของหะดีษนี้มุงก่อเตี๊ยะอ์(ขาดตอน)


ท่านญะลาลุดดีน อัสซิยูตี อธิบายศัพท์ในหะดีษบทนี้ว่า

((يَثْلَمُهُ)) : أَىْ يُكَسِّرُ قَوَاعِدَهُ وَيَتَعَدَّى حُدُوْدَهُ

ยัษลุมมุฮู หมายถึง  เขาทำให้รากฐานของมันแตกเสียหาย และเขาจะเมิดขอบเขตของมัน

ดูญัมอุลญะวามิ๊อฺ   เล่ม  1 : 19447 หะดีษ  1869
  •  

L-umar


ชีอะฮ์ หรือ ซุนนี่  ที่เป็นคนตัดศรีษะ ท่านฮูเซน บุตรอะลี


อุละมาอ์ซุนนี่ระบุว่า  คนที่ลงมือตัดศรีษะท่านฮูเซน บุตรฟาตมะฮ์มีชื่อว่า  

ชิมร์  บุตร ซิล เญาชัน


หลักฐาน

قال إبن حبان : والذي تولى في ذلك اليوم حز رأس الحسين بن على بن أبى طالب شمر بن ذي الجوشن
ثقات لابن حبان ج 2 ص 312

ในวันนั้น(วันอาชูรอ) ผู้ที่ตัดศรีษะท่านฮูเซนบุตรอะลีคือชิมร์ บินซิลเญาชัน

อ้างอิงจากหนังสือ      อัษ-ษิกอต โดยอิบนุ หิบบาน เล่ม 2 : 312  


คำถามที่สำคัญคือ   ชิมร์  บินซิลเญาชัน เป็นชีอะฮ์  หรือซุนนี่ ?

จากตำราหะดีษของซุนนี่บันทึกว่า

شمر بن ذي الجوشن أبو السابغة الضبابي:
عن أبيه وعنه أبو إسحاق السبيعي ليس بأهل للرواية فإنه أحد قتلة الحسين رضي الله عنه وقد قتله أعوان المختار روى أبو بكر بن عياش عن أبي إسحاق قال كان شمر يصلي معنا
ثم يقول : اللهم  إنك تعلم  إني شريف فاغفر لي  
قُلْتُ : كيف يغفر الله لك وقد أعنت على قتل بن رسول الله صلى الله عليه وسلم
قال : ويحك فَكَيْفَ نَصْنَعُ أَنَّ أُمَرَاءَنَا هؤلاء أَمَرُوْنَا بِأَمْرٍ فَلَمْ نُخَالِفْهُمْ وَلَوْ خَالَفْنَاهُمْ كُنَّا شَرًّا مِنْ هَذِهِ الْحمر الشقاء.
قُلْتُ : إن هذا لعذر قبيح فإنما الطاعة في المعروف انتهى.
الكتاب :
لسان الميزان  لابن حجر العسقلاني  ج 3 ص 152 رقم : 546


อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีกล่าวว่า  

ชิมร์ บินซิลเญาชัน  อบู ซาบิเฆาะฮ์ อัฎ-ฏ็อบาบี  

ชิมร์ รายงานหะดีษจากบิดาเขา(คือซิลเญาชัน)

ผู้ที่รายงานหะดีษจากชิมร์คือ  อบู อิสฮาก อัส-สุบัยอี  

ชิมร์ไม่คู่ควรสำหรับการรายงานหะดีษเลย  เพราะเขาคือบุคคลหนึ่งที่สังหารท่านฮูเซน(รฎ.)

พวกของมุคต้ารได้ฆ่าชิมร์

อบูบักร บินอัยย๊าชรายงานจาก อบีอิสฮ๊ากได้เล่าว่า :

ชิมร์เคยร่วมนมาซอยู่กับพวกเรา  จากนั้นชิมร์กล่าวว่า :  โอ้อัลลอฮ์ แท้จริงพระองค์ทรงรู้ว่า ฉันนั้นมีเกียรติ ดังนั้นโปรดยกโทษให้ฉันด้วยเถิด

อบูอิสฮ๊ากจึงกล่าวว่า :

อัลลอฮ์จะยกโทษให้ท่านได้อย่างไร ในเมื่อท่านให้ความช่วยเหลือในการสังหารหลานชายของท่านรอซูลุลเลาะฮ์(ศ)

ชิมร์กล่าวว่า  :  

วิบัติจงมีแด่เจ้า  แล้วจะให้เราทำอย่างไร แท้จริงผู้ปกครองของเราเหล่านี้ได้สั่งเราให้ทำ  เราจึงไม่อาจฝ่าฝืน(คำสั่งของ)พวกเขา  และถ้า

หากเราฝ่าฝืนคำสั่งของพวกเขา  พวกเราก็จะเป็นคนเลวยิ่งกว่าฝูงลาเหล่านี้อีก



อิบนุหะญัรกล่าวว่า :

นี่เป็นคำแก้ตัวที่เลวทรามยิ่ง เพราะการเชื่อฟังนั้น จะต้องอยู่ในเรื่องความดีเท่านั้น จบ.


อ้างอิงจากหนังสือ

ลิซานุล มีซาน โดยอิบนุหะญัร เล่ม 3 : 152 อันดับที่ 546

มีซานุลออิ๊อฺติดาล  โดยอัซซะฮะบี  เล่ม 2 : 280  อันดับที่ 3742

ตารีค ดามัสกัส  โดยอิบนุอะซากิร เล่ม 23 : 189

ตารีคุลอิสลาม  โดยอัซซะฮะบี  เล่ม 2 : 87




ขอให้ท่านอ่านหะดีษที่อบูอิสฮ๊ากรายงาน คำพูดของชิมร์ บินซิลเญาชันอีกครั้ง


((( แท้จริงผู้ปกครองของเราเหล่านี้  ได้สั่งเราให้ทำ  )))

อะกีดะฮ์ของชิมร์ ก็บอกชัดว่า ยะซีด ,อุบัยดุลเลาะฮ์และอุมัรบินสะอัดคือ หัวหน้าของเขา ไม่ใช่ท่านฮูเซน

เพราะฉะนั้น  คนตัดศรีษะท่านฮูเซน คือ ซุนนี่

อะกีดะฮ์ของชีอะฮ์คือ  ท่านฮูเซนคืออิหม่ามที่สามและเป็นหัวหน้าของพวกเขา

ส่วนยะซีด ,อุบัยดุลเลาะฮ์,อุมัรบินสะอัดและทหารไม่ยอมรับว่า ฮูเซนเป็นอิหม่ามของพวกเขา

ดังนั้น คนปัญญาอ่อนเท่านั้น ที่พยายามหยิบยกคำพูด  มาบอกกับชาวโลกว่า
ชีอะฮ์คือพวกที่สังหารอิหม่ามฮูเซน มันช่างเป็นคำพูดที่โง่เขลามาก

หากพวกเขามีปัญญาคิดสักนิดว่า ชีอะฮ์คือผู้ตามอิหม่ามฮูเซนน แล้วจะจับดาบมาฆ่าอิหม่ามของพวกเขาได้อย่างไร หากกล่าวแบบนั้น  เราก็สามารถกล่าวได้ว่า  พวกอาหรับในเมืองมักกะฮ์คือคนชั่วที่สุดบนโลก เพราะเดิมพวกเขาคือผู้ที่ต่อต้านและทำร้ายท่านนบีมุฮัมมัดมากที่สุด

เชคอุษมาน คอมีส กล่าวว่า

أنا لم أقل حسب ما أذكر أن عبيد الله بن زياد لم يكن ناقما على الحسين بل عبيد الله من النواصب
الكتاب :  فتاوى الشيخ عثمان الخميس  ج 127  ص 1

ข้าพเจ้าไม่เคยพูดตามที่กล่าวมาว่า แท้จริงอุบัยดุลเลาะฮ์ บินซิยาดมิได้แค่เป็นผู้แก้แค้นต่อท่านฮูเซนเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นอุบัยดุลเลาะฮ์ยังเป็นพวกนาศิบ(ชิงชังอะฮ์ลุลบัยต์)อีกด้วย

อ้างอิงจาก  : ฟะตาวา  อัช-ชัยคุ อุษมาน อัลคอมีส  เล่ม 127  : 1
ดูเวป    www.almanhaj.net
 

คำถามสำหรับซุนนี่

เมื่อนายชิมร์ บินซิลเญาชัน บอกว่ายะซีดกับอุบัยดุลเลาะฮ์คือ ผู้นำของเขา  แล้วท่านยังคิดว่า

ชิมร์ผู้นี้เป็นชีอะฮ์ อีกหรือ
  •  

L-umar


คำ กัรบาลา ชาวอาหรับในอดีตมิเคยได้ยินมาก่อน  แต่ชื่อนี้มาจากลิซานุลเฆบ(ฟากฟ้า) ชาวอาหรับได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก คือ

สะอีด บินญุฮ์มานเล่าว่า  :

إِنَّ جَبْرَئِيلَ أَتَى النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ واَلِهِ وَسَلَّمَ بِتُراَبٍ مِنْ تُرْبَةِ الْقَرْيَةِ الَّتِيْ يُقْتَلُ فِيْهاَ الْحُسَيْنُ , وَقِيْلَ : اُسْمُهاَ كَرْبَلاَءُ !

แท้จริงท่านญิบรออีลได้มาหาท่านนบี(ศ)พร้อมด้วยดินจากตำบลหนึ่ง ซึ่งฮูเซนจะถูกสังหารที่นั่น มันมีชื่อว่า กัรบาลา

ดูหนังสืออัลฮูเซน สิมาตุฮู วะซีเราะตุฮู โดยสัยยิดมุฮัมมัดเรซ่า อัลฮูซัยนีอัลญะลาลี เล่ม 1 : 99


ท่านอะนัสบินมาลิกเล่าว่า  

أَنَّ مَلَكَ الْمَطَرِ اسْتَأْذَنَ رَبَّهُ أَنْ يَأْتِيَ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَأَذِنَ لَهُ فَقَالَ لِأُمِّ سَلَمَةَ امْلِكِي عَلَيْنَا الْبَابَ لَا يَدْخُلْ عَلَيْنَا أَحَدٌ قَالَ وَجَاءَ الْحُسَيْنُ لِيَدْخُلَ فَمَنَعَتْهُ فَوَثَبَ فَدَخَلَ فَجَعَلَ يَقْعُدُ عَلَى ظَهَرِ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَعَلَى مَنْكِبِهِ وَعَلَى عَاتِقِهِ قَالَ فَقَالَ الْمَلَكُ لِلنَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَتُحِبُّهُ قَالَ نَعَمْ قَالَ أَمَا إِنَّ أُمَّتَكَ سَتَقْتُلُهُ وَإِنْ شِئْتَ أَرَيْتُكَ الْمَكَانَ الَّذِي يُقْتَلُ فِيهِ فَضَرَبَ بِيَدِهِ فَجَاءَ بِطِينَةٍ حَمْرَاءَ فَأَخَذَتْهَا أُمُّ سَلَمَةَ فَصَرَّتْهَا فِي خِمَارِهَا
قَالَ قَالَ ثَابِتٌ بَلَغَنَا أَنَّهَا كَرْبَلَاءُ

มลาอิกะฮ์ฝนได้ขออนุญาตต่อพระเจ้าของเขาลงมาพบท่านนบีมุฮัมมัด(ศ) พระองค์ทรงอนุญาตแก่เขา

ท่านนบี(ศ)จึงกล่าวกับท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์ว่า  เฝ้าประตูบ้านให้เราที   อย่าให้ใครเข้ามาหาเรา

อะนัสเล่าว่า  

แล้วท่านฮูเซนได้มากำลังจะเข้าไป(หาท่านนบี)  นางได้ขวางเขาไว้ แต่เขได้กระโจนเข้าไปนั่งอยู่บนหลังท่านนบี(ศ)บนบ่าบ้างบนไหล่ท่านบ้าง

มลาอิกะฮ์จึงกล่าวกับท่านนบี(ศ)ว่า  

ท่านรักเขาไหม ?  ท่านตอบว่า รักสิ  

มลาอิกะฮ์กล่าวว่า  แต่ประชาชาติของท่านจะสังหารเขา(ในอนาคต )   หากท่านต้องการ ฉันจะให้ท่านได้เห็นสถานที่ๆเขาจะถูกสังหาร  

แล้วเขาตีที่มือเขาเอง  จากนั้นเขาได้นำดินสีแดงก้อนหนึ่งมาให้  แล้วท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์ได้รับมันไปเก็บไว้ในฮิญาบของนาง  

อะนัสเล่าว่า  ท่านษาบิตกล่าวว่า ที่เราทราบมานั้นมันคือ  แผ่นดิน " กัรบาลา "  


ดูมุสนัดอะห์มัด หะดีษที่ 13050
  •  

L-umar


ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า  

إِنَّ ابْنِي هَذَا يُقْتَلُ بِأَرْضٍ مِنْ أَرْضِ الْعِرَاقِ ، فَمَنْ أَدْرَكَهُ فَلْيَنْصُرْهُ

หลานชายของฉันคนนี้(หมายถึงฮูเซน) จะถูกสังหาร ณ.สถานที่แห่งในแผ่นดินอิรัก

(คือที่กัรบาลา) ดังนั้นผู้ใดในหมู่พวกท่านอยู่ถึงวันนั้น ก็จงให้ความช่วยเหลือฮูเซนเถิด  


สถานะหะดีษ – อิสนาดหะดีษ  นักรายงาน เชื่อถือได้

ดูดุรรุสสะฮาบะฮ์  โดยอัชเชากานี  หน้า  232 และมะอ์ริฟะตุส ซอฮาบะฮ์ เล่ม 2 : 447
  •  

L-umar



นับจากวันแรกที่อิม่ามฮูเซนปฏิเสธการมอบสัตยาบัน(บัยอัต)ต่อยะซีดจนมาถึงวันที่ 10 มุหัรรอม ฮ.ศ. 61  รวมได้ 175 วัน  

12  วันท่านพำนักอยู่ที่นครมะดีนะฮ์  

4  เดือน 10 วัน ท่านพำนักอยู่ที่นครมักกะฮ์  

23  วันในระหว่างที่ท่านเดินทางออกจากมักกะฮ์ไปเมืองกูฟะฮ์

8  วันท่านถูกปิดล้อมอยู่ในแผ่นดินกัรบาลานับจากวันที่ 2 ถึงวันอาชูรอ

จากนครมักกะฮ์ถึงแผ่นดินกัรบาลา อิม่ามฮูเซนได้แวะพักตามสถานที่ต่างๆด้วยกัน 38 แห่ง

แต่ละแห่งอยู่ห่างกันประมาณ 3 ฟัรซัค บางแห่งก็ 5 ฟัรซัค (1 ฟัรซัค = 4.83กม.)

จากนครมักกะฮ์ถึงแผ่นดินกัรบาลา อิม่ามฮูเซนเดินทางบกรวมยะยะทางได้ 1,470 กม.หรือ 91,341ไมล์




ในปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่  60 มุอาวียะฮ์บุตรอบูสุฟยานตาย ยะซีดบุตรมุอาวียะฮ์สืบราชบัลลังค์ต่อจากบิดา  

กษัตริย์ยะซีดได้ส่งจดหมายไปถึงวะลีดบินอุตบะฮ์บินอบูสุฟยาน ผู้ปกครองนครมะดีนะฮ์ว่า  จงบังคับอิม่ามฮูเซนให้บัยอัตต่อเขา หากขัดขืนให้ตัดหัวส่งมาให้เขาทันที

หลังอ่านสารยะซีด วะลีดจึงขอเชิญอิม่ามฮูเซนมาพบที่บ้านเขาตอนค่ำ   ซึ่งมีมัรวานบินฮะกัมอยู่ด้วย  

ผู้ปกครองเมืองมะดีนะฮ์ได้แจ้งความประสงค์ของยะซีดให้อิม่ามฮูเซนรับทราบ

แต่อิม่ามฮูเซนได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ท่านจะไม่ยอมบัยอัตให้กับยะซีดอย่างแน่นอน  ไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น


อิม่ามฮูเซนได้กล่าวว่า โอ้วะลีด

إِنّاَ أَهْلُ بَيْتِ النُّبُوَّةِ وَمَعْدِنُ الرِّسالَةِ وَمُخْتَلَفُ الْمَلائِكَةِ، وَ بِناَ فَتَحَ اللّهُ وَ بِناَ خَتَمَ اللّهُ

เราคืออะฮ์ลุลบัยต์นบี ต้นกำเนิดของคัมภีร์ บ้านของเราเป็นที่ขึ้นลงของมลาอิกะฮ์ อัลลอฮ์ทรงเปิดและปิดกิจการงานด้วยเรา

يَزيدُ رَجُلٌ فاسِقٌ شارِبُ الخَمرِ قاتِلُ النَّفْسِ الُمحتَرَمَةِ مُعْلِنٌ بِالفِسقِ وَ مِثْلى لا يُبايِعُ مِثْلَه

ยะซีดเป็นคนชั่ว ดื่มสุราเป็นอาจิณ ฆ่าคนบริสุทธิ์ ทำบาปอย่างเปิดเผย และคนอย่างฉันจะไม่ยอมบัยอัตให้กับคนอย่างยะซีด เราจะคอยดูกันว่า ใครคือผู้ทรงสิทธิแห่งตำแหน่งคอลีฟะฮ์มากกว่ากัน


กล่าวจบอิม่ามฮูเซนจึงรีบรุดออกจากบ้านวะลีดไปทันที  คืนนั้นอิม่ามฮูเซนเดินไปเยี่ยมกุโบร์ท่านรอซูล  และพบมัรวานกลางทาง  มัรวานได้แนะนำกับอิม่ามฮูเซนว่า ให้ยอมบัยอัตเสียเถิดมันจะเป็นผลดีทั้งดุนยาและอาคิเราะฮ์สำหรับท่าน


อิม่ามฮูเซนจึงกล่าวว่า

إِنّا للّهِِ وَإِنّا إِلَيْهِ راجِعُونَ، وَ عَلَى الاِْسْلامِ اَلسَّلامُ، إِذْ قَدْ بُلِيَتِ الْاُمَّةُ بِرَاعٍ مِثْلِ يَزيدِ، وَلَقَدْ سَمِعْتُ جَدِّىْ رَسُولَ اللّهِ (ص) يَقُولُ : اَلْخِلاَفَةُ مُحَرَّمَةٌ عَلَى آلِ أَبِىْ سُفْياَنَ

ก็คงต้องขอกล่าวอำลาต่อศาสนาอิสลามว่า วัสสลาม ถ้าหากอุมมัตอิสลามต้องถูกทดสอบด้วยผู้ปกครองเยี่ยงคนอย่างยะซีด เพราะฉันได้ยินท่านรอซูลุลลอฮ์ตาฉันกล่าวว่า  การปกครองนั้นเป็นที่ต้องห้ามสำหรับลูกหลานของอบูสุฟยาน

คืนต่อมาอิม่ามฮูเซนได้ไปเยี่ยมกุโบร์ท่านรอซูล(ศ) ท่านกล่าวว่า

اَلسَّلامُ عَلَيْكَ يا رَسُولَ للّه اَنَا الْحُسَيْنُ بْنُ فاطِمَةَ فَرْخُكَ وَابْنُ فَرْخَتِكَ وَسِبْطُكَ الَّذى خَلَّقْتَنِى فى اُمَّتِكَ  فَاشْهَدْ يانَبِىَّ اللّه اَنَّهُمْ خَذَلُونى وَلَمْ يَحْفَظُونى وَهذِهِ شَكْواىَ اِلَيْكَ حَتّى اَلْقاكَ

อัสสะลามุอะลัยก่ะ ยาร่อซูลัลลอฮ์ ฉันคือฮูเซน บุตรฟาติมะฮ์ บุตรสาวผู้เป็นที่รักของท่าน ฉันคือเชื้อสายของท่าน ซึ่งท่านได้ทิ้งไว้กับประชาชาติของท่าน  โอ้ศาสดาแห่งอัลลอฮ์  โปรดเป็นพยานด้วยว่า  พวกเขาทอดทิ้งฉันให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว และพวกเขาไม่เคยปกป้องฉันเลย นี่คือคำร้องเรียนของฉันไปยังท่าน จนกว่าฉันจะได้พบกับท่าน  จากนั้นอิม่ามได้ทำนมาซอยู่เป็นเวลานาน จนใกล้รุ่งสาง

คืนต่อมาอิม่ามฮูเซนมาซิยารัตกุโบร์อีกและปฏิบัติเช่นเดียวกัน หลังนมาซเสร็จท่านวิงวอนต่ออัลลอฮ์ว่า

اَللّهُمَّ اِنَّ هَذَا قَبْرُ نَبِيِّكَ مُحَمَّدٍ (ص) وَاَنَا ابْنُ بِنْتِ نَبِيِّكَ وَقَدْ حَضَرَنِىْ مِنَ اْلأَمْرِ ماَ قَدْ عَلِمْتَ اَللّهُمَّ اِنِّى اُحِبُّ الْمَعْرُوفَ وَاُنْكِرُ الْمُنْكَرَ وَأَسْأَلُكَ ياَ ذَا الْجَلالِ وَالاْكْرامِ بِحَقِّ الْقَبْرِ وَمَنْ فِيْهِ اِلاَّ اخْتَرْتَ لِىْ ماَ هُوَ لَكَ رِضىً وَلِرَسُولِكَ رِضىً

โอ้อัลลอฮ์ นี่คือกุโบร์ของท่านนบีมุฮัมมัด  ส่วนฉันคือบุตรแห่งบุตรีของศาสดาของพระองค์  ฉันมีปัญหาบางอย่าง ซึ่งพระองค์ทรงรู้ดี โอ้อัลลอฮ์ แท้จริงฉันรักการทำความดีและชิงชังความชั่ว  โอ้ผู้ทรงสูงสง่และเกริกเกียรติ ฉันขอวิงวอนต่อพระองค์ด้วยสิทธิของกุโบร์นี้และผู้ที่อยู่ในหลุมนี้ ได้โปรดประทานทางเลือกสำหรับฉัน ซึ่งเป็นที่พอพระทัยสำหรับพระองค์และรอซูลของพระองค์ด้วยเถิด

จากนั้นอิม่ามฮูเซนนั่งลงข้างๆหลุมและแนบศรีษะลงบนกุโบร์ท่านรอซูล ท่านร้องไห้อยู่ตามลำพังจนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย  

( อิม่ามฮูเซนเล่าว่า ) ในขณะหลับท่านฝันเห็นท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้มาหาพร้อมด้วยมลาอิกะฮ์ รายล้อมอยู่รอบกายท่าน ท่านรอซูลทรุดกายลงจุมพิตที่ดวงตาทั้งสองของอิม่ามฮูเซน พลางกล่าวว่า

ยาฮูเซน หลานรักของตา ดูเหมือนว่า ตาจะได้เห็นเจ้าต้องเกลือกกลิ้งอยู่บนกองเลือดของตัวเอง ที่ถูกหลั่งออกมาอย่างมากมาย ณ.แผ่นดินกัรบาลา  ด้วยน้ำมือของคนกลุ่มหนึ่งจากประชาชาติของตาเอง  ในสภาพที่เจ้าจะต้องกระหายน้ำอย่างหนัก แต่ก็ไม่มีใครให้เจ้าได้ดื่ม ในสภาพที่เจ้าจะหิวกระหายอย่างอย่างแสนสาหัส แต่ก็ไม่มีใครให้เจ้ากิน บุคคลเหล่านั้นหวังในชะฟาอัตของตา แต่พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้รับมันอย่างเด็ดขาด

حَبِيْبِِبيْ ياَ حُسَيْنُ اِنَّ اَباَكَ وَاُمَّكَ وَاَخاَكَ قَدَمُوْا عَلَيَّ وَهُمْ مُشْتاَقُوْنَ اِلَيْكَ، وَاِنَّ لَكَ فِي الْجِناَنِ لَدَرَجاَتٌ لَنْ تَنَالَهاَ اِلاَّ بِالشَهاَدَةِ

โอ้ฮูเซนหลานรัก พ่อเจ้า แม่เจ้าและพี่ชายเจ้าได้มาหาตา พวกเขาปรารถนาที่จะได้พบเจ้า แท้จริงแล้วในญันนะฮ์มีฐานันดรหนึ่งเตรียมไว้สำหรับเจ้าเป็นการเฉพาะ แต่เจ้ามิอาจจะได้รับมัน นอกเสียจากด้วยการเป็นชะฮีดเท่านั้น

ในความฝันอิม่ามฮูเซนได้กล่าวกับท่านตาว่า ท่านไม่ต้องการกลับมายังดุนยาอีกแล้วและขอให้ท่านรอซูลเอาตัวท่านไปอยู่ด้วย แต่ท่านรอซูลกล่าวว่า เจ้าต้องกลับไปยังดุนยาอีกครั้งหนึ่ง จนกว่าเจ้าจะได้รับตำแหน่งชะฮีดอันยิ่งใหญ่

เมื่ออิม่ามฮูเซนตื่นจากภวังค์ ท่านจึงตรงไปเยี่ยม(ซิยารัต)หลุมฝังศพของมารดาและพี่ชาย เพื่อกล่าวอำลา

เพราะอิม่ามฮูเซนตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า จะไม่ยอมบัยอัตกับยะซีด และจะเดินทางออกจากนครมะดีนะฮ์ในตอนเช้ามืด


เป้าหมายการต่อสู้ของอิม่ามฮูเซน(อ)

ก่อนเดินทางออกจากนครมะดีนะฮ์ไปยังนครมักกะฮ์   อิม่ามฮูเซนได้ชี้แจงจุดประสงค์ของท่านว่า

إِنِّيْ لَمْ اَخْرُجْ اَشِرا وَلا بَطِراً وَلا مُفْسِداً وَلا ظالِماً

แท้จริงฉันมิได้ออกมาต่อสู้(กับยะซีด)เพราะความเห็นแก่ตัว หรือทรงตนว่าสูงศักด์ หรือเป็นผู้สร้างความเสียหาย หรือเป็นผู้กดขี่

وَاِنَّماَ خَرَجْتُ لِطَلَبِ اْلا صْلاحِ فِى اُمَّةِ جَدِّى صَلَّى اللّهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ

แท้จริงที่ฉันต้องออก(เดินทางในครั้งนี้) ก็เพื่อต้องการปรับปรุงความเสียหายในอุมมัตท่านตาของฉัน(นบีมุฮัมมัด ศ.)

أُرِيْدُ اَنْ آمُرَ بِالْمَعْرُوفِ وَاَنْهَى عَنِ الْمُنْكَرِ

ฉันต้องการกำชับ(พวกเขา)ให้กระทำดี และห้ามปรามมิให้กระทำชั่ว

وَاَسيرَ بِسِيْرَةِ جَدِّىْ وَاَبِيْ عِلِىِّ بْنِ اَبِىْ طالِبٍ

โดยฉันจะดำเนินตามแนวทางของท่านตาของฉันและท่านอะลีบินอบีตอลิบบิดาของฉัน

فَمَنْ قَبِلَنِىْ بِقَبُوْلِ الْحَقِّ فَاللّهُ اَوْلَى بِالْحَقِّ

ดังนั้นผู้ใดยอมรับ(และดำเนินตามแนวทางของ)ฉัน  ก็ถือว่าเขายอมรับความถูกต้อง ซึ่ง(แนวทางของ)อัลลอฮ์ ย่อมถูกต้องที่สุด

وَمَنْ رَدَّ عَلَىَّ هَذاَ اَصْبِرُ حَتَّى يَقْضِيَ اللّهُ بَيْنِىْ وَبَيْنَ الْقَوْمِ  وَهُوَ خَيْرُالْحاَكِمِيْنَ  وَهذِهِ وَصِيَّتِىْ

แต่หากผู้ใดปฏิเสธ(แนวทางของ)ฉันนี้ ฉันก็จะอดทนรอจนกว่าอัลลอฮ์จะเป็นผู้ทรงตัดสินระหว่างฉันกับหมู่ชนนั้น และพระองค์คือผู้ทรงเป็นเลิศในการตัดสิน และนี่คือวะซียัตของฉัน

ดูหนังสือละวาอิญุล อัชญาน โดยสัยยิดมุห์ซิน อัลอะมีน เล่ม 1 : 28



มุฮัมมัดอิบนิฮานาฟียะฮ์

น้องชายต่างมารดาเห็นอิม่ามฮูเซนพาครอบครัวญาติสนิทติดตามไปด้วยจึงถามว่า  

ทำไมท่านต้องพาอะฮ์ลุลบัยต์ไปด้วย ???

อิม่ามฮูเซนตอบว่า

لَقَدْ شاَءَ اللهُ اَنْ يَرَانِيْ قَتِيْلاً وَشاَءَ اَنْ يَرَى حَرَمِيْ وَعِياَلِيْ سَباَياَ

อัลลอฮ์ทรงประสงค์จะเห็นฉันถูกสังหาร(ในหนทางของพระองค์) และประสงค์จะเห็นครอบครัวฉันตกเป็นเชลย(เพื่อรับษะวาบในการต่อสู้ครั้งนี้ด้วยเช่นกัน)


จากนั้นอิม่ามฮูเซนได้กล่าวคำอำลาต่อท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์และชาวมะดีนะฮ์ทั้งมวล และสั่งกองคาราวานเคลื่อนขบวน ท่ามกลางเสียงร่ำไห้ระงม

   ในระหว่างที่กำลังออกเดินทางนั้น ม้าของอิม่ามฮูเซนได้หยุดชะงัก ไม่ยอมเดินท่านจึงมองดู จึงเห็นฟาติมะฮ์บุตรสาวท่านยืนขวางอยู่ น้ำตานางไหลพราก จนอิม่ามฮูเซนต้องเบือนหน้าหนีไปจากภาพที่อยู่ตรงหน้าเพราะความเจ็บปวดรวดร้าวในอก
แม้อิม่ามฮูเซนจะเข้มแข้งสักปานใด แต่นี่คือบุตรสาวของท่าน ดวงตาที่อ้อนวอนร้องขอที่จะเดินทางไปด้วย

ฟาติมะฮ์กล่าวว่า  พ่อคะ พ่อจะทิ้งหนูไว้ที่นี่ตามลำพังหรือ ? ทำไมไม่ให้หนูไปด้วย  นางกล่าวอ้อนวอนทั้งน้ำตา

ในขณะที่อิม่ามฮูเซนยังคงนิ่งเฉย ไม่อาจแม้แต่จะสบตาลูกสาวได้ ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะหยุดนิ่ง

ฟาติมะฮ์กล่าวว่า  พ่อจ๋า ถ้าพ่อไม่ให้หนูไป  หนูขอน้องอาลีอัซฆัรไว้ให้อยู่กับหนูจะได้ไหม  

หนูสัญญาว่า จะดูแลน้องให้ดีที่สุด จนกว่าพ่อจะกลับมา น้ำตาของผู้เป็นพ่อไหลรินออกมา โอ้ฟาติมะฮ์ของพ่อ  เจ้าคงไม่รู้หรอกว่า นี่คือวันสุดท้ายที่เจ้าจะได้เห็นหน้าพ่อและน้องชายของเจ้า

ระหว่างนั้นท่านหญิงอุมมุสะละมะฮ์ได้เข้ามารวบตัวฟาติมะฮ์บุตรีฮูเซนไว้ในอ้อมกอด พลางปลอบว่า  เจ้าอยู่กับยายก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก  แล้วนางส่งสัญญาณให้อิม่ามฮูเซนออกเดินทางต่อไป  

ทิ้งสตรีในวัยชรากับลูกสาวซึ่งกำลังป่วยอยู่ ที่กอดกันร่ำไห้ปริ่มว่า น้ำตาแทบเป็นสายเลือด และทัศนียภาพอันเศร้าหมองของนครมะดีนะฮ์ไว้เบื้องหลังเป็นครั้งสุดท้าย.....

อิม่ามฮูเซนพำนักอยู่ที่นครมักกะฮ์ได้ 4 เดือน 10 วัน หลังจากนั้นท่านก็ออกจากมักกะมุ่งหน้าสู่กูฟะฮ์  อิบนุซิยาดรู้ข่าวการมากูฟะฮ์ของอิม่าม จึงสั่งปิดทางที่จะเข้าสู่กูฟะฮ์ทุกเส้นทาง ชนิดที่คนในไม่ให้ออก คนนอกไม่ให้เข้า และส่งทหารม้าหนึ่งพันนายติดอาวุธครบมือออกไปสกัดคาราวานอิม่ามฮูเซน  ให้อยู่ในสภาพที่ห่างไกลจากแหล่งน้ำและทุ่งหญ้า

แม่ทัพโฮ้ร บุตรยะซีด อัลริยาฮีพร้อมทหารม้าจึงได้มาเผชิญหน้ากับอิม่ามท่ามกลางทะเลทรายอันร้อนระอุที่เนินชะรอฟ  

เมื่อแม่ทัพโฮ้รได้ให้สลามแก่อิม่ามฮูเซน และขอน้ำดื่มจากอิม่าม  อิม่ามฮูเซนได้คนของท่านนำน้ำมาให้โฮ้รรวมทั้งทหารและม้าของพวกเขาดื่ม  

พอถึงเวลาซุฮ์ริทั้งสองฝ่ายได้นมาซญะมาอัตร่วมกันโดยอิม่ามฮูเซนเป็นอิม่ามญะมาอัต  หลังนมาซเสร็จ

อิม่ามฮูเซนได้ปราศรัยต่อหน้ากองทหารว่า  

โอ้ท่านทั้งหลาย  ฉันขอปราศรัยเพื่อทำให้หลักฐานจบสิ้นต่ออัลลอฮ์และต่อพวกท่านว่า   ฉันไม่เคยหาพวกท่าน จนพวกท่านที่ส่งจดหมายและตัวแทนของพวกท่านมาหาฉัน  ให้ฉันเดินทางมาหาพวกท่าน โดยกล่าวว่า พวกเรานั้นไม่มีอิม่ามผู้นำ หวังว่าอัลลอฮ์จะทรงรวมพวกเราไว้กับท่านบนทางนำ  ถ้าหากพวกท่านยังคงตั้งอยู่บนสิ่งนั้น  ฉันได้มาหาพวกท่านแล้ว ดังนั้นพวกทานจงมอบสัญญาให้ฉันมั่นใจเถิด แต่ถ้าหากพวกท่านไม่พอใจต่อการมาของฉัน  ฉันก็จะขอกลับไปยังที่เดิมที่ฉันจากมา

เมื่ออิม่ามฮูเซนกล่าวจบ แม่ทัพโฮ้รได้ตอบว่า วัลลอฮิ ผมไม่เคยทราบเรื่องนี้มาก่อนเลย  อิม่ามฮูเซนจึงสั่งให้อุกบะฮ์นำจดหมายเป็นหมื่นๆฉบับออกมาเทให้แม่ทัพโฮ้รอ่านดู  

แมทัพโฮ้รตอบว่า  ตัวผมได้รับบัญชาให้มาปิดล้อมพวกท่านและคุมตัวท่านไปส่งให้ท่านอุบัยดุลเลาะฮ์ บุตรซิยาด
   
เมื่ออิม่ามฮูเซนต้องการจะเดินทาต่อง แม่ทัพโฮ้รก็ทำการขัดขวางคาราวานอย่างเข้มแข้ง  

แม่ทัพโฮ้รกล่าวว่า ผมไม่มีวันปล่อยท่านไปอย่างเด็ดขาด  หากท่านปฏิเสธที่จะไปกับเรา ก็ขอให้ท่านเลือกเส้นทางอื่น ที่จะไม่เข้าสู่เมืองกูฟะฮ์และก็ไม่กลับสู่นครมะดีนะฮ์เช่นกัน   ผมจะได้มีข้อแก้ตัวกับท่านอุบัยดุลเลาะฮ์ บุตรซิยาด

อิม่ามฮูเซนจึงบอกกับคนของท่านว่า ให้นำคาราวานเดินทางออกจากเส้นทางหลัก  โดยมีทหารหนึ่งพันนายขนาบไปตลอดทาง  

คาราวานอิม่ามฮูเซนเคลื่อนมาจนถึงนัยนาวา(สถานที่หนึ่ง)   ม้าที่อิม่ามฮูเซนขี่ก็หยุดอยู่กับที่  
ท่านจึงเปลี่ยนไปขี่ม้าอีกตัวหนึ่ง  ท่านกระตุกอย่างไรมันก็ไม่ยอมเดิน ท่านก็เปลี่ยนไปขี่ตัวที่สามมันก็ไม่ยอมก้าวขา จนท่านเปลี่ยนม้าไปหกเจ็ดตัว ก็เป็นเหมือนกันหมดคือไม่ยอมเดิน
 
เมื่ออิม่ามฮูเซนเล็งเห็นสัญญาณ)อะลามัต)อันยิ่งใหญ่เช่นนั้น  วันนั้นตรงกับวันที่ 2 มุหัรรอม  

อิม่ามฮูเซนจึงเอ่ยถามญาติและมิตรสหายของท่านว่า
 
مَا اسْمُ هذِهِ الاَْرْضِ ؟  แผ่นดินนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร ?


พวกเขาตอบว่า  ตุซัมมา นัยนะวา  ( เรียกกันว่า นัยนาวา )

ท่านถามว่า  มันยังมีชื่ออื่นอีกไหม
พวกเขาตอบว่า  ตุซัมมา  อันดุล-ตุฟู๊ฟ  (เรียกกันว่า  แผ่นดิน ตุฟูฟ)

ท่านถามว่า  มันยังมีชื่ออื่นอีกไหม

พวกเขาตอบว่า  ตุซัมมา  อัลฆอฎิรีย๊าต (เรียกกันว่า  ฆอดิรียะฮ์)

ท่านถามว่า  มันยังมีชื่ออื่นอีกไหม

พวกเขาตอบว่า  ชาตีอุล ฟูรอต  ( ริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรติส )

ท่านถามว่า  มันยังมีชื่ออื่นอีกไหม

พวกเขาตอบว่า  ตุซัมมา  อัลอักรุ

อิม่ามกล่าวว่า  أَعُوْذُ بِاللهِ مِنَ الْعَقْرِ

ขอความคุ้มครองจากอัลลอฮ์ให้พ้นจากบาดแผล

ท่านถามว่า  แล้วมันยังมีชื่ออื่นอีกไหม

พวกเขาตอบว่า   เรียกกันว่า    กัรบาลา


เมื่ออิม่ามฮูเซนได้สดับฟังชื่อนี้   ท่านก็ถอนหายใจยาว  ด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง พลางกล่าวว่า
 
اَللّهُمَّ اَعُوذُبِكَ مِنَ الْكَرْبِ وَالْبَلاءِ

โอ้อัลเลาะฮ์  ฉันขอความคุ้มครองต่อพระองค์ให้พ้นจากความทุกข์โศกและภัยบาลาด้วยเถิด
 
هاهُنا مَحَطُّ رحالِنا وهاهُنا وَاللّهِ مَحَلُّ قُبُورِنا

นี่คือสถานที่ๆอูฐของเราจะหยุดพักอย่างถาวร  ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า ที่นี่คือสุสานของพวกเรา
 
وَبِهَذاَ وَعَدَنِىْ جَدِّىْ رَسُوْلُ اللّهِ صَلَّى اللّهُ عَلَيْهِ وَ آلِهِ


และนี่คือสิ่งที่ท่านรอซูลุลเลาะฮ์(ศ) ตาของฉันได้ให้สัญญาไว้กับฉัน

ท่านหญิงอุมมุสะละฮ์เล่าว่า  วันหนึ่งท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)นั่งอยู่ในบ้านฉัน  โดยท่านญิบรีลได้มาหาท่าน  (และมีฮูเซนหลานท่านรอซูลฯอยู่ด้วย )


ท่านญิบรีลได้กล่าวกับท่านรอซูล(ศ)ว่า

إِنَّ أُمَّتَكَ سَتَقْتُلُ هَذاَ بِأَرْضِ يُقاَلُ لَهاَ كَرْبَلاَءُ فََتَناَوَلَ جَبْرِيْلُ عَلَيْهِ السَّلاَمُ مِنْ تُرْبَتِهاَ فَأَراَهاَ النَّبِيَّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ  فَلَماَّ أُحِيْطَ بِحُسَيْنٌ حِيْنَ قُتِلَ
قاَلَ : ماَ اسْمُ هَذِهِ الْأَرْضُ ؟
قاَلُوْا : كَرْبَلاَءُ قاَلَ : صَدَقَ اللهُ وَرَسُوْلُهُ أَرْضُ كَرْبُ وَبَلاَءُ

แท้จริงอุมมะฮ์(ประชาชาติ)ท่าน  จะสังหารเด็กคนนี้(ฮูเซน) ณ.แผ่นดินที่มันมีชื่อว่า  กัรบาลา

ท่านญับริล(อ)ได้เอาดินที่นั่นมาให้ท่านนบี(ศ)ได้เห็นมัน

เมื่อมาถึงตอนที่ฮูเซนถูกปิดล้อม ในตอนที่เขาถูกสังหาร   เขาจึงถามว่า  แผ่นดินมีชื่อว่าอะไร ?

พวกเขาตอบว่า  กัรบาลา

ฮูเซนกล่าวว่า   อัลเลาะฮ์และรอซูลของพระองค์ได้ตรัสสมจริงแล้วว่า  มันคือแผ่นดินแห่งความทุกข์โศกและภัยพิบัติ


ดูมุอ์ญัม กะบีร โดยฏ็อบรอนี  หะดีษที่  2819



اَلسَّلامُ عَلَيْكَ يا اَبا عَبْدِاللهِ وَعَلَى الاَْرْواحِ الَّتي حَلَّتْ بِفِنائِكَ عَلَيْكَ مِنّي سَلامُ اللهِ اَبَداً ما بَقيتُ وَبَقِيَ اللَّيْلُ وَالنَّهارُ وَلا جَعَلَهُ اللهُ آخِرَ الْعَهْدِ مِنّي لِزِيارَتِكُمْ،
اَلسَّلامُ عَلَى الْحُسَيْنِ وَعَلى عَلِيِّ بْنِ الْحُسَيْنِ وَعَلى اَوْلادِ الْحُسَيْنِ وَعَلى اَصْحابِ الْحُسَيْنِ
اَلسَّلامُ عَلَيْكُمْ جَمِيْعَ الشُّهَداَءِ كَرْبَلاَءَ وَرَحْمَةُ اللهِ وَبَرَكاتُهُ
إِنَّا لِلَّهِ وَإِنَّا إِلَيْهِ رَاجِعُونَ
  •  

L-umar


عَنْ جَعْفَرِ بْنِ مُحَمَّدٍ (عَلَيْهِمَا السَّلَام)، قاَلَ :

نَظَرَ النَّبِيُّ  (صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَ آلِهِ) إِلِى الْحُسَيْنِ بْنِ عَلِيٍّ (عَلَيْهِمَا السَّلَام) وَ هُوَ مُقْبِلٌ، فَأَجْلَسَهُ فِيْ حِجْرِهِ وَ قاَلَ :

اِنَّ لِقَتْلِ الْحُسَيْنِ حَراَرَةً فِىْ قُلُوْبِ الْمُؤْمِنِيْنَ لاَ تَبْرَدُ اَبَداً

كتاب : مستدرك الوسائل : ج 10، ص 233 ح 48021

อิม่ามญะอ์ฟัร บุตรอิม่ามมุฮัมมัด บาเก็ร (อ) เล่าว่า  :

ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ) จ้องมองไปยังฮูเซน บุตรอะลี  (อ) ขณะที่(เพิ่งคลอดใหม่ๆแล้วมีคนอุ้มเขา ) มุ่งตรงมาหาท่าน  แล้วท่านได้ให้เขานั่งในตักท่าน พลางว่า :


แท้จริงสำหรับการสังหารฮูเซน มันจะยังร้อนรุ่มอยู่ในหัวใจของบรรดาผู้ศรัทธา ที่จะไม่มีวันเย็นลงได้ตลอดกาล


อ้างอิงจากหนังสือ  มุสตัดร่อกุล วะซาอิล  เล่ม  10 : 233 หะดีษ  48021
  •  

L-umar



۩     มารยาทในการเข้าร่วมมัจลิสอาชูรอ



การจัดมัจลิสอาชูรอนั้นจะต้องควบคู่ไปกับอะห์กามและอัคล๊ากที่เราสมควรเรียนรู้ต่อไปนี้คือมารยาทในการเข้าร่วมมัจลิส

1- ความอิคล๊าศ  ผู้มาร่วมมัจลิส ควรมีเจตนาแสวงหาความใกล้ชิดต่ออัลลอฮ์ ด้วยความอิคลาศ(บริสุทธิ์ใจ) และห่างไกลจากชีรีกค่อฟี(ที่ซ่อนเร้นอยู่ในใจ)ทุกรูปแบบ  สัญลักษณ์ชีรีกค่อฟีเช่น เจ้าของมัจลิสไม่ค่อยให้ความสำคัญต่อแขกที่มาร่วม และผู้ที่มาร่วมก็มาแบบงานสังคม เป็นต้น
ความอิคลาศคือ รากฐานของทุกอามั้ล  

ท่านอิม่ามอาลี(อ)กล่าวว่า

طُوبَى لِمَنْ أَخْلَصَ لِلَّهِ الْعِبَادَةَ وَ الدُّعَاءَ

ตูบา (ขอจงประสบสความดี คือขอให้เข้าสวรรค์) สำหรับผู้ที่ให้ความอิคล๊าศในการทำอิบาดะอ์และการดุอาอ์ต่ออัลลอฮ์

สถานะหะดีษ  : มุวัษษัก(เชื่อได้)  ดูวะซาอิลุชชีอะฮ์  เล่ม 1 : 60 หะดีษที่ 125
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน


มีรายงานกล่าวว่า  อิม่ามมะฮ์ดี(อ)จะมาร่วมมัจลิสวิลาดัตและชะฮาดัต บนเงื่อนไขที่ว่ามัจลิสนั้นต้องมีความ " อิคล๊าศ "

2- แก่นแท้(ฮะกีกัต)ของมัจลิสคือ  ซิกรุลเลาะฮ์ – การรำลึกถึงอัลลอฮ์ ตะอาลา  เพราะเรากำลังรำลึกถึงบุคคลที่พยายามทำตัวเองให้เป็นบ่าวที่แท้จริงต่ออัลลอฮ์  ซึ่งนั่นคือ การเสียสละในหนทางอัลลอฮ์ด้วยการพลีชีพ
ฉะนั้นเราควรอิหฺติรอม ให้เกียรติต่อมัจลิส โดยเข้าสู่มัจลิสด้วยกล่าวบิสมิลาฮ์ มีวุฎุอ์ แต่งกายสะอาดและสุภาพเรียบร้อย

3- ก่อนเข้ามัจลิส  ควรมีความเตรียมพร้อมเช่น  ทำการอิสติฆฟ้าร , ซิกรุลเลาะฮ์ ,ซอละวาตและสร้างจิตวิญญาณเพื่อแสวงหาเราะมะตุลเลาะฮ์ เพราะความเมตตาจากอัลลอฮ์จะลงมาที่มัจลิสนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

4- หากจัดมัจลิสนี้จัดขึ้นในมัสยิด ควรนมาซตะฮียะตุลมัสยิดสองร่อกะอัต และควรให้ความสำคัญต่ออะห์กามอิสลามอย่างเคร่งครัด

5- ควรตั้งใจฟังการบรรยาย ไม่ควรไปสนใจว่าคนบรรยายเป็นใคร   เพราะเราคือผู้ร่วมรับฟังคนหนึ่ง  และไม่ควรลืมว่า อัลกุรอ่านและหะดีษมะอ์ซูมเตือนสติมนุษย์ทุกคน ไม่ใช่เฉพาะบางคน

6- สร้างบรรยากาศให้กับตัวเองเช่น นึกถึงภาพเหตุการณ์มุซีบัตที่เกิดขึ้นกับอิม่ามฮูเซนและครอบครัวที่กัรบาลา จนทำให้ตัวเองเกิดความเศร้าและหลั่งน้ำตาได้ ให้นึกถึงคำพูดของ

อิม่ามฮูเซน(อ)ที่กล่าวว่า

اَنَا قَتيلُ العَبْرَة لاَ يَذْكُرُنِىْ مُؤْمِنٌ اِلاَّ بَكَي

ความตายของฉันคืออุทาหรณ์แห่งน้ำตา จะไม่มีมุอ์มินคนใดที่รำลึกถึงฉัน  เว้นแต่เขาจะต้องร่ำไห้(เศร้าใจต่อมุซีบัตของฉัน)

อ้างอิงจากหนังสือบิฮารุลอันวาร  โดยอัลลามะฮ์มัจญ์ลีซี  เล่ม 44 : 279 หะดีษ 5

อิม่ามริฎอ(อ) กล่าวว่า

فَعَلَى مِثْلِ الْحُسَيْنِ فَلْيَبْكِ الْبَاكُونَ فَإِنَّ الْبُكَاءَ عَلَيْهِ يَحُطُّ الذُّنُوبَ الْعِظَامَ

สำหรับอุทาหรณ์เยี่ยงอิม่ามฮูเซน  ผู้ร้องไห้ทั้งหลายจงร่ำไห้ออกมาเถิด เพราะน้ำตาที่หลั่งออกมาให้เขา มันจะลบล้างความผิดมหันต์ต่างๆได้

สถานะหะดีษ  :  ซอฮิ๊ฮฺ  ดูวะซาอิลุชชีอะฮ์  เล่ม 14 :505 หะดีษที่ 19697
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน

แต่เราจะได้รับเตาฟีกตรงนี้ได้ ก็ต่อเมื่อต้องพอรู้ชีวประวัติของอิม่ามฮูเซน(อ)อยู่บ้าง

7-  ถ้าท่านร้องไห้ไม่ออก  ก็ให้แสดงออกถึงความเสียใจต่อมุซีบัต  แต่หากจิตใจท่านแข็งกระด้าง จนไม่เกิดความเสียใจเลยตลอดเวลาที่นั่งอยู่ในมัจลิส ท่านควรสำรวจตัวเองว่า  มีปัจจัยใดทำให้ท่านเป็นเช่นนั้น  

อิม่ามอะลีกล่าวว่า

مَا جَفَّتِ الدُّمُوعُ إِلَّا لِقَسْوَةِ الْقُلُوبِ وَ مَا قَسَتِ الْقُلُوبُ إِلَّا لِكَثْرَةِ الذُّنُوبِ

น้ำตาจะไม่เหือดแห้ง ยกเว้นสำหรับ(คนที่)มีจิตใจแข็งกระด้างเท่านั้น  และจิตใจทั้งหลายจะไม่แข็งกระด้าง ยกเว้นสำหรับ(คนที่)มีบาปหนามาก
สถานะหะดีษ  :  ซอฮิ๊ฮฺ  ดูวะซาอิลุชชีอะฮ์  เล่ม 16 : 46 หะดีษที่ 20938
ตรวจทานโดยมัรกะซุล บุฮูซ คอมพิวเตอร์ ลิลอุลูมิลอิสลามียะฮ์ เมืองกุม อิหร่าน

8- หลังจบมัจลิสคือ ควรร่วมกันขอดุอาอ์ เพราะตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่ดุอาอ์มุสตะญับ

9- ควรสำรวมกายวาจา ไม่ควรหยอกล้อกันหลังจบมัจลิส  

10- พยายามหาเวลาว่างให้กับตัวเองในอัยยามอาชูรอ  เช่น การงาน การเรียน การค้าขาย อย่าให้ธุระเหล่านี้มาตรงกับวันอาชูรอ   จนทำให้เราไม่มีส่วนร่วมแสดงความเสียใจร่วมกับอิม่ามมะดี(อ) ดังที่

อิม่ามมะฮ์ดี(อ)กล่าวว่า

فَلَأَنْدُبَنَّك َ صَباَحاً وَ مَسآءً ، وَ لََأَبْكِيَنَّ لَك َ بَدَلَ الدُّمُوعِ دَماً

ฉันจะไว้อาลัยให้กับท่านทั้งยามเช้ายามเย็น  และฉันจะร่ำไห้เป็นสายเลือดให้กับท่านแทนน้ำตา

อ้างอิงจากหนังสือซิยาเราะตุน-นาฮิยะติลมุก็อดดะซะฮ์  เล่ม 1 : 8
ดังนั้นผลของอามั้ลที่ออกมามันขึ้นอยู่ที่การมุญาฮะดะฮ์(ความเพียงพยายาม)

11- เครื่องหมายที่บ่งบอกว่า อามั้ลที่ท่านทำถูกยอมรับคือ การเดินออกจากมัจลิสไปด้วยการเตาบะฮ์(สำนึกผิด)ต่อบาปอย่างแท้จริง

12- ควรพยายามพาครอบครัว มิตรสหายไปมัจลิสด้วย เหมือนที่อิม่ามฮูเซน(อ)พาครอบครัวท่านไปกัรบาลา เพื่อมีส่วนได้รับษะวาบ

13- บุคคลแรกที่สมควรได้รับปลอบประโลมใจ تَسْـلِيَّة ในมัจลิสคือ ท่านอิม่ามมะฮ์ดี(อ)   ดังนั้น ถ้าเรามามัจลิสแต่ใจเรามิสามารถแสดงความเสียใจออกมาได้ ก็เท่ากับเรามิได้มีหัวอกเดียวกันกับอิม่ามมะฮ์ดี(อ)


14- ผู้ที่มีส่วนร่วมในโศกนาฎกรรมที่กัรบาลามีทั้ง คนชราอาทิเช่น ฮาบีบ บินมะซอเฮ็ร  ทารกน้อยอาลีอัซฆัร  หนุ่มน้อยกอซิมและอาลีอักบัร  ญูนทาสผิวดำ และบรรดาเด็กกับสตรี  
อุทาหรณ์สำหรับเราในเรื่องนี้ก็คือ หน้าที่การปกป้องดีนอิสลามนั้นมิใช่เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง หรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ แต่เป็นหน้าที่(ตักลีฟ)ของเราทุกคน.
  •  

43 ผู้มาเยือน, 0 ผู้ใช้